สังขารธรรม และ สังขตธรรม คืออะไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สังขารธรรม คือ ธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง หมายถึง สภาพธรรมที่ต้องอาศัยสภาพธรรมอื่นจึงเกิดขึ้น ได้แก่ จิต เจตสิก และ รูปทั้งหมด เป็นสังขารธรรมเพราะต้องอาศัยสภาพธรรมอื่นๆ เป็นปัจจัย
สังขตธรรม คือ ธรรมอันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว หมายถึง สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัย เป็นเหตุทำให้เกิด เมื่อหมดเหตุปัจจัย สภาพธรรมนั้นๆ ก็ดับ สังขตธรรมจึงหมายถึงสภาพธรรมที่มีการเกิดดับ ได้แก่ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘
ซึ่งสังขารธรรม และ สังขตธรรม หมายถึง สภาพธรรมอย่างเดียวกัน แต่ทรงใช้ศัพท์คนละคำ เพื่ออธิบายความหมายให้ชัดเจนขึ้น คือ สังขารธรรมเป็นธรรม ที่มีปัจจัยปรุงแต่ง แต่สังขตธรรม นอกจากเป็นธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งแล้ว ยังเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับด้วย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่พ้นจากชีวิตประจำวันเลย เมื่อกล่าวสังขารธรรม หรือสังขตธรรม เพราะกล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริง ที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครบังคับให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นเป็นไปได้ ไม่มีสภาพธรรมอย่างหนึ่งอย่างใดที่เกิดขึ้นเองลอยๆ แต่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อประมวลแล้ว ก็คือ จิตทั้งหมด เจตสิกทั้งหมด และรูปทั้งหมด เป็นสังขารธรรม เป็นสังขตธรรม เช่น เห็นในขณะนี้ เกิดเพราะปัจจัยหลายอย่างกล่าวคือ มีอารมณ์ของจิตเห็น มีเจตสิกเกิดร่วมกับจิตเห็น มีที่เกิดของจิตเห็น มีกรรมเป็นปัจจัยให้จิตเห็นเกิดขึ้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
ความละเอียดของสังขารธรรมและสังขตธรรม
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ..
สังขารธรรม คือ จิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นและดับไป ส่วน สังขตธรรม คือ สภาพธรรมที่ปรุงแต่งแล้วเกิด ทุกขณะก็มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นและดับไปเป็นธรรม ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ