ฟังธรรมที่มูลนิธิวันนี้ (สังโยชนสูตร ว่าด้วยสังโยชน์ ๑๐ ประการ)
ในการสนทนาพระสูตร
ท่านอาจารย์เปรียบ สังโยชน์๑๐ ว่าเป็นภาวะของอกุศลทั้งหมด
ไปสู่ความเป็นกุศลไม่ได้ ถูกอกุศล คล้อง ไว้ตลอดเวลา
คนส่วนใหญ่กลัวภัยภายนอกต่างๆ นานาๆ เช่น ภัยธรรมชาติ ฯลฯ
แต่ลืมนึกถึง
" ภัยที่มองไม่เห็น "
กราบอนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขณะนี้มีอกุศลเกิดขึ้น เป็นภัยเพราะนำไปสู่การเกิด ไม่พ้นจากวัฏฏะ นำไปสู่ความ
ทุกข์ ความเดือดร้อน เป็นภัยที่แท้จริง หากไม่มีกิเลสก็จะไม่มีการเกิด ก็จะไม่มีภัยคือ
การพลัดพรากจากมารดา บิดา การประสบภัยธรรมชาติซึ่งชาวโลกสมมติกันว่าเป็นภัย
เลยครับ ขณะนี้มีภัยแต่มองไม่เห็นภัย เพราะเห็นด้วยปัญญา เห็นภัยที่เกิดขึ้นว่าเป็น
ธรรมไม่ใช่เราจึงจะเป็นการละภัยคืออกุศลที่สะสมได้ครับ เริ่มจากการฟังพระธรรมให้
เข้าใจว่าเป็นธรรม เมื่อเข้าใจ สักวันก็จะพ้นภัยคืออกุศลและการเวียนว่ายตายเกิดครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ภัยที่มองไม่เห็นนั้น น่ากลัวจริงๆ ที่คล้องให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิด ภพแล้ว ภพเล่า
เพราะในวันหนึ่งๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นไปในอกุศล ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงยิ่ง
ได้ฟังก็ยิ่งละเอียดลึกซึ่งจริงๆ แต่ก็ยังดีใจที่ได้มาฟังธรรม ได้สะสมความเข้าใจไปที่ละ
เล็กที่ละน้อย สักวันหนึ่งก็คงจะใกล้ถึงฝั่งบ้าง..........แม้จะนานเป็นแสนกัลป์
เริ่มจากการฟังพระรรมให้เข้าใจ ค่อยๆ เข้าใจทีละน้อยจนกว่าจะเป็นความเข้าใจที่มั่นคง จนกว่าสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้ปัญญาเกิดระลึกลักษณะสภาพธรรมตามความเป็น
จริง แม้จะนานเป็นแสนกัปป์ เมื่อหนทางถูกต้องสักวันต้องถึงแน่ แต่ก็ไม่ควรประมาท
กิเลสที่อยู่ภายในซึ่งคล้องสัตว์ไว้ให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎสงสารซึ่งเปรียบ
กับภัยที่มองไม่เห็น จึงต้องอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎตรงตามความเป็นจริง และอบรมเจริญกุศลทุกประการเพื่อค่อยๆ ขัดเกลากิเลสที่อยู่ภายใน
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
นอกจากไม่รู้เลยว่าถูกคล้องไว้ ยังคิดว่าสิ่งที่คล้องนั้น คือ สร้อยอันงามอีกด้วย จึงไม่ใช่บ่วงเพียง 1 แต่เพิ่มจำนวนของบ่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกขณะที่ประมาทค่ะ
คลิกอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกได้ที่
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 27
๓. สังโยชนสูตร
ว่าด้วยสังโยชน์ ๑๐ ประการ
ขออนุโมทนาคุณ opanayigo
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตราบใดที่ยังมีกิเลส ย่อมมีการเกิดอยู่ร่ำไป สังสารวัฏฏ์ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น การที่แต่ละบุคคลจะประสบกับภัย (ตามศัพท์ ภัย หมายถึงสิ่งที่น่ากลัว) ประการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น นั้น ก็สืบเนื่องมาจากความยาวนานของสังสารวัฏฏ์ที่ได้เคยกระทำอกุศลกรรมมาอย่างมากมาย เมื่ออกุศลกรรมถึงคราวที่จะให้ผล จึงประสบภัยต่างๆ เหล่านั้น ไม่มีใครทำให้เลย และที่สำคัญภัยต่างๆ เหล่านั้น ไม่ใช่ภัยที่น่ากลัวอย่างแท้จริง แต่ภัยที่น่ากลัวอย่างยิ่งและมองไม่เห็นเลยนั้น คือ กิเลส ซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ทำให้หมู่สัตว์ยังวนเวียนอยู่ในสังสาร-วัฏฏ์ ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ นอกจากนั้นยังหมายรวมถึงกิเลสประการอื่นๆ ด้วย เช่นอหิริกะ (ความไม่ละอายต่อบาป) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อบาป) อิสสา (ความริษยา เห็นคนอื่นได้ดีแล้ว ทนไม่ได้) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) มายา (ความเป็นผู้มีมายา ปกปิดความชั่วที่ตนเองกระทำ) มักขะ (ความลบหลู่ผู้มีคุณความดี) เป็นต้นกิเลสเกิดขึ้นครั้งใด ย่อมทำให้จิตเศร้าหมองเป็นอกุศล และเป็นเครื่องผูกมัดเหล่าสัตว์ไว้ไม่ให้ออกไปจากสังสารวัฏฏ์
ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมไม่สามารถที่จะเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ย่อมไม่เห็นกิเลสที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งไม่มีการเห็นโทษ แล้วจะดำเนินไปถึงการละกิเลสได้อย่างไร ดังนั้น ประโยชน์สูงสุด คือความเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะเป็นเครื่องป้องกันภัยคือกิเลส และสามารถที่จะดับกิเลสได้ในที่สุด ไม่ต้องมีการเกิดมาประสบกับภัยต่างๆ อีกเลย ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
แต่ภัยที่น่ากลัวอย่างยิ่งและมองไม่เห็นเลยนั้น คือ กิเลส ซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิต ทำให้หมู่สัตว์ยังวนเวียนอยู่ในสังสาร-วัฏฏ์ ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ นอกจากนั้นยังหมายรวมถึงกิเลสประการอื่นๆ ด้วย เช่นอหิริกะ (ความไม่ละอายต่อบาป) อโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อบาป) อิสสา (ความริษยา เห็นคนอื่นได้ดีแล้ว ทนไม่ได้) มัจฉริยะ (ความตระหนี่) มายา (ความเป็นผู้มีมายา ปกปิดความชั่วที่ตนเองกระทำ) มักขะ (ความลบหลู่ผู้มีคุณความดี) เป็นต้นกิเลสเกิดขึ้นครั้งใด ย่อมทำให้จิตเศร้าหมองเป็นอกุศล และเป็นเครื่องผูกมัดเหล่าสัตว์ไว้ไม่ให้ออกไปจากสังสารวัฏฏ์
.
.
.
.....................ขออนุโมทนาค่ะ...................
ขออนุโมทนาครับ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 12058 ความคิดเห็นที่ 2 โดย paderm
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขณะนี้มีอกุศลเกิดขึ้น เป็นภัยเพราะนำไปสู่การเกิด ไม่พ้นจากวัฏฏะ นำไปสู่ความ
ทุกข์ ความเดือดร้อน เป็นภัยที่แท้จริง หากไม่มีกิเลสก็จะไม่มีการเกิด ก็จะไม่มีภัยคือ
การพลัดพรากจากมารดา บิดา การประสบภัยธรรมชาติซึ่งชาวโลกสมมติกันว่าเป็นภัย
เลยครับ ขณะนี้มีภัยแต่มองไม่เห็นภัย เพราะเห็นด้วยปัญญา เห็นภัยที่เกิดขึ้นว่าเป็น
ธรรมไม่ใช่เราจึงจะเป็นการละภัยคืออกุศลที่สะสมได้ครับ เริ่มจากการฟังพระธรรมให้
เข้าใจว่าเป็นธรรม เมื่อเข้าใจ สักวันก็จะพ้นภัยคืออกุศลและการเวียนว่ายตายเกิดครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขณะนี้ มี อกุศล เกิดขึ้น เป็น ภัย เพราะ นำไปสู่การเกิด
.
หาก ไม่มี กิเลส ก็จะ ไม่มี การเกิด
.
เริ่ม จากการฟัง พระธรรม
ให้ เข้าใจ ว่า เป็น ธรรม
เมื่อ เข้าใจ
สักวัน ก็จะพ้น ภัย คือ อกุศล
และ
การ เวียน ว่าย ตาย เกิด
ครับ.
กราบอนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขออนุโมทนาครับ