จงเห็นความประมาทโดยเป็นภัย
โดย unnop.h  15 ก.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 32087

* ข้อความนี้ เป็นพุทธานุสาสนี คือ คำพร่ำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

* ความประมาท คือปราศจากสติ หมายถึงในขณะที่อกุศลจิตเกิด ย่อมปราศจากสติ คือความระลึกได้ในทางที่ดีงาม

* ความประมาท เป็นภัย เพราะเป็นเหตุให้เป็นไปเพื่อความทุกข์ มีความทุกข์ในอบาย เป็นต้น

* ความไม่ประมาท คือไม่ปราศจากสติ คือมีจิตที่ดีงาม เช่น ในขณะที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่ปราศจากสติที่ระลึกในทางที่ดีงาม

* ความไม่ประมาท เป็นความเกษม เพราะเป็นไปในกุศลทุกประการ โดยเฉพาะสติและปัญญาที่ระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรม ซึ่งเป็นเหตุ เครื่องบรรลุพระนิพพาน อันเกษมจากกิเลสทั้งปวง จึงควรอย่างยิ่งที่จะอบรมเจริญ ใส่ใจถึงมรรค คือหนทางแห่งการดับกิเลส ได้แก่ เจตสิก (สภาพที่เกิดกับจิต) 8 ประเภท คือ

- สัมมาทิฏฐิ (ปัญญาเจตสิกที่เข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ)

- สัมมาสังกัปปะ (วิตกเจตสิก ที่จรดในลักษณะสภาพธรรม)

- สัมมาวาจา (สัมมาวาจาเจตสิก ที่วิรัติงดเว้นวาจาที่ไม่ดี)

- สัมมากัมมันตะ (สัมมากัมมันตเจตสิก ที่วิรัติงดเว้นการกระทำที่ไม่ดีทางกาย)

- สัมมาอาชีวะ (สัมมาอาชีวเจตสิก ที่วิรัติงดเว้นการเลี้ยงชีพที่ไม่เหมาะควร)

- สัมมาวายามะ (วิริยเจตสิก ที่เพียรในการระลึกรู้สภาพธรรม)

- สัมมาสติ (สติเจตสิก ที่ระลึกตรงลักษณะสภาพธรรม)

- และสัมมาสมาธิ (เอกัคคตาเจตสิก ที่ตั้งมั่นในการระลึกรู้สภาพธรรม)

(ประมวลสรุปจากอรรถกถา พรรณนาพุทธาปาทาน ขุททกนิกาย อปทาน)


โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 16 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย kullawat  วันที่ 17 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ