กัมมชรูป จิตตชรูป อาหารชรูป อุตุชรูป จัดอยู่ในรูปไหน ในรูป ๒๘ รูป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
รูป เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย รูป มีทั้งหมด ๒๘ รูป ซึ่งใน ๒๘ รูป ก็มีการแบ่งรูป มีการแบ่งในลักษณะต่างๆ ซึ่งบางครั้ง แบ่งรูป ๒๘ รูป ในลักษณะที่เป็น มีลักษณะ กับ ไม่มีลักษณะ คือ สภาวรูป กับอสภาวรูป แต่ทั้งสองนี้ก็อยู่ใน รูป ๒๘ ไม่พ้นจากรูปทั้ง ๒๘ รูป บางครั้งก็แบ่ง รูปที่เป็นใหญ่เป้นประธาน กับรูปที่ไม่เป็นใหญ่ ต้องอาศัยที่เกิด ที่เรียกว่า มหาภูตรูป กับ อุปทายรูป ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็ไม่พ้นจาก รูป ๒๘ ครับ โดยนัยเดียวกัน บางครั้งก็แบ่ง รูป เป็น ตามธรรมที่ทำให้เกิดรูป ที่เรียกว่า สมุฏฐานของรูป เพราะ รูป จะต้องมีธรรมที่เป็นที่ตั้ง หรือ เป็นเหตุให้เกิดรูปแต่ละรูปครับ บางรูปก็เกิดจากสมุฏฐานนี้ บางรูปก็เกิดจากสมุฏฐานนี้ แตกต่างกันไป จึงแบ่งรูป ๒๘ รูป เกิดจากสมุฏฐาน ที่ทำให้รูปเกิด ๔ สมุฏฐาน คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร
รูปที่เกิดจากกรรม เรียกว่า กัมมชรูป
รูปที่เกิดจากจิตก็เรียกว่า จิตตชรูป
รูปที่เกิดจาก อุตุ เรียกว่า อุตุชรูป
รูปที่เกิดจากอาหาร เรียกว่า อาหารชรูป
ซึ่ง ธรรมที่เป็นเหตุให้เกิด รูป ๔ ประการนี้ จึงไม่พ้นจาก รูป ๒๘ รูป เพียงแต่ว่า กัมมชรูป อาจจะไม่ใช่รูปทั้งหมดใน ๒๘ รูป มีเพียงรูปบางส่วนเท่านั้นครับ เช่นเดียวกับ กัมมชรูป จิตตชรูป อุตุชรูป แต่ละอย่าง ก็ไม่ได้หมายเอารูปทั้ง ๒๘ บางรูปเท่านั้น แต่เมื่อว่าโดยการแบ่งประเภทของรูป ๒๘ รูปแล้ว ก็สามารถแบ่งได้โดยนัย ธรรมที่เป็นที่ตั้ง เป็นเหตุให้เกิดรูปทั้ง ๒๘ รูป มี ๔ สมุฏฐาน คือ กรรม จิต อุตุ อาหาร ตามที่กล่าวมาครับ
ดังนั้น รูปที่เกิดจาก สมุฏฐานนี้ คือ กัมมชรูป จิตตชรูป อุตุชรูป และอาหารชรูป จึงเป็นการแบ่งประเภทของรูป ใน ๒๘ รูป อีกนัยหนึ่งครับ ซึ่งสมุฏฐานทั้ง ๔ ก็ไม่พ้นจากรูป ๒๘ ครับ
กัมมชรูป คือ รูปที่เกิดจากกรรม หมายถึง รูป ๑๘ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ ปสาทรูป ๕ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ ปริจเฉทรูป ๑
จิตตชรูป คือ รูปที่เกิดจากจิต หมายถึง รูป ๑๕ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ วิการรูป ๓ วิญญัติรูป ๒ สัททรูป ๑ ปริจเฉทรูป ๑ ซึ่งเกิดจากจิตเป็นปัจจัย
อาหารชรูป คือ รูปที่เกิดจากโอชา หมายถึง กลุ่มของรูปที่เกิดจากอาหารรูป (โอชา) คือเมื่อรับประทานอาหารที่เป็นคำๆ (กพฬิงการาหาร) เข้าไปในร่างกายแล้ว โอชารูปในอาหารที่เป็นคำๆ นั้น จะเป็นปัจจัยให้เกิดกลุ่มของรูปใหม่ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง รูปที่เกิดจากอาหาร (อาหารชรูป) มี ๑๒ รูป คือ อวินิพโภครูป ๘ วิการรูป ๓ ปริจเฉทรูป ๑
อุตุชรูป คือ รูปที่เกิดจากอุตุ (ความเย็น ความร้อน) และอุตุชรูปนี้เกิดได้ทั้งภายในและภายนอก สำหรับภายในสัตว์ เกิดขึ้นได้ทุกๆ ขณะของจิต นับตั้งแต่ฐีติขณะของปฏิสนธิ เป็นต้นมา จิตเกิดขึ้น ๑ ขณะ จะมีอนุขณะ ๓ คือ อุปาทขณะ ฐีติขณะ ภังคขณะ อุตุชรูป ๑๓
อุตุชรูป คือรูปที่เกิดจากอุตุ และรูปที่เกิดจากอุตุมี ๑๓ คือ อวินิพโภครูป ๘ (มหาภูตรูป ๔, วัณณรูป ๑, คันธรูป ๑, รสรูป ๑, โอชา ๑) ปริจเฉทรูป ๑ วิการรูป ๓ (ลหุตารูป มุทุตารูป กัมมัญญตารูป) สัททรูป ๑
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
รูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน
รูปธรรม มีทั้งหมด ๒๘ รูป รูปธรรม ย่อมเกิดขึ้นตามสมุฏฐาน (ที่ตั้งที่ก่อให้รูปนั้นๆ เกิด) ของตนๆ ดังนั้น ที่กล่าวถึง กรรมชรูป (รูปที่เกิดจากกรรม) จิตตชรูป (รูปที่เกิดจากจิต) อุตุชรูป (รูปที่เกิดจากอุตุ) อาหารชรูป (รูปที่เกิดจากอาหาร) ก็คือ รูปธรรม แต่ละรูปๆ ที่เกิดจากสมุฏฐานต่างๆ นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น จักขุปสาทะ (ตา) เป็นรูปธรรมประการหนึ่งในรูป ๒๘ เป็นรูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน (กรรมชรูป) และในกลุ่มของจักขุปสาทะ ก็ไม่ได้มีเพียงจักขุปสาทะ เท่านั้น ยังมีรูปอื่นๆ เกิดด้วย คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม สี กลิ่น รส โอชา จักขุปสาทะ และ ชีวิตรูป รูปทั้ง ๑๐ รูปนี้ เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นสมุฏฐาน ทั้งหมด จึงชื่อว่า กรรมชรูป ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากรูปต่างๆ ในรูป ๒๘ ที่เกิดขึ้นตามสมควรแก่สมุฏฐานของตนๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
รูป หมายถึง สภาพธรรมที่แตกสลาย ไม่เที่ยง ค่ะ
ขอเรียนถามด้วยคนครับ
ทราบจากการฟังมาว่า รูปที่รู้ได้ทางปัญจทวาร คือ วิสยรูป ๗ ส่วนรูปที่เหลือรู้ได้ทางใจ
ขอเรียนถามในส่วนรูปหยาบที่รู้ทางใจ เช่น ปสาทรูป ๕ รู้ได้ทางใจ แต่ผู้ที่รู้ต้องขณะเจริญสติปัฏฐานเท่านั้น ใช่ไหม และต้องเป็นบุคคลระดับไหนขึ้นไป ด้วยไหมครับ
เรียนความเห็นที่ 6 ครับ
ปสาทรูป ๕ ที่เป็นรูปที่รู้ได้ทางใจ ก็ต้องรู้ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ซึ่ง การจะรู้รูปเหล่านี้ได้ ก็ต้องเป็นปัญญาที่เจริญสติปัฏฐานจนคล่องแคล่ว ชำนาญมากๆ แล้ว ถึงจะรู้ปสาทรูป ๕ ได้ ครับ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า สติของใครจะเกิดรู้ หรือ ไม่รู้ก็ได้ เพราะ พระอริยสาวกบางท่าน ท่านก็รู้รูปอื่น และปัญญาก็เกิดต่อย่างรวดเร็ว จนบรรลุธรรมก็มี โดยที่ไม่ได้เกิดระลึกรู้ ปสาทรูป ๕ ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบพระคุณครับ และอนุโมทนา
โสตประสาทเกิดพร้อมกันสองกลาปได้หรือไม่ครับ
ไม่พร้อมครับ ทยอยกันเกิด ทยอยกันดับ
ขออนุโมทนาครับ
สาธุครับ