สภาพธรรมทั้งหลายที่กำลังปรากฏ เกิดขึ้นแล้วดับไป ล้วนเป็นทุกข์ การตายแล้วเกิดอีกในแต่ละภพภูมิ เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะเห็นอีก ได้ยินอีก ... จึงเป็นทุกข์ ถ้าไม่ต้องเกิดขึ้นมาเห็นอีก ได้ยินอีก ... จะสุขสักแค่ไหน
ทุกข์จึงเป็นสิ่งที่ควรรู้ เพราะอะไร เพราะทุกข์เป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงจึงควรรู้ยิ่ง ฟังให้เข้าใจสิ่งที่กำลังฟังด้วยความเข้าใจ ถ้าไม่ฟัง ไม่ศึกษาก็ไม่รู้ความจริง
ทุกข์ เป็นสิ่งที่รู้ยาก เข้าใจตามได้ยาก เพราะลึกซึ้ง
อะไรเป็นเหตุของทุกข์ เหตุของทุกข์คือ สมุทัย โลภะ นั่นเอง เป็นเหตุให้ต้องเกิดแล้วเกิดแล้วอีกอยู่ร่ำไป
ใจเป็นทุกข์ เพราะอะไร ก็เพราะ กิเลสที่ได้สะสมมา หวั่นไหวด้วย โลภะ โทสะ และอวิชชา
กายเป็นทุกข์เพราะอะไร ทุกข์กายเกิดขึ้นเพราะ ผลของอกุศลกรรมที่เคยทำไว้แล้ว ผู้ที่ได้ยินว่าเป็นมะเร็ง ขณะนั้น เจ็บไหม ไม่เจ็บเลย ขณะนั้นมีเห็น ก็ไม่เจ็บ มีได้ยิน ก็ไม่เจ็บ แต่ใจเป็นทุกข์แล้ว เพราะกิเลสที่ได้สะสมมา สำหรับท่านพระอรหันต์ ท่านหมดจากกิเลสแล้ว แม้ท่านยังมีทุกข์กาย แต่ใจไม่เป็นทุกข์ แต่สำหรับเราย่อมหวั่นไหวด้วยกิเลส ...
อะไรทำให้ไม่หวั่นไหว ต้องด้วยปัญญาความเห็นถูก
ปลอดจากทุกข์ได้เมื่อปัญญาเกิด
ขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ค่ะ
เพราะสภาวธรรมทั้งหมดเป็นทุกข์ (เว้นนิพพาน) คือไม่อาจทนอยู่ในสภาวะนั้นๆ ได้ ต้องแปรปรวนไป จึงเป็นทุกข์ แม้สิ่งที่คิดว่า "สุข" ก็เป็นทุกข์อย่างหนึ่ง เพราะไม่เที่ยงสมดังคาถาที่ท่านวชิระเถรีได้กล่าวไว้ดังนี้ ...
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 109
เมื่อขันธ์ทั้งหลายยังมีอยู่ การสมมติว่าสัตว์ย่อมมี ฉันนั้น
ความจริง ทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด
ทุกข์เท่านั้นย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ
ดังนั้น เมื่อไม่มีอะไรนอกจาก "ทุกข์"
ทุกข์ จึงเป็นสิ่งที่ควรศึกษายิ่ง เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่งค่ะ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาสำหรับข้อเตือนใจที่ดีค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ