พอจะมีวิธีช่วยหนูบ้างมั้ยคะ หนูเป็นไรก้ไม่รู้เหงาเศร้าเป็นประจำ
ท้อแท้กับชีวิตมาก หนูไม่ชอบอารมณ์นี้เลยช่วยหนูที
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ความจริงเป็นความจริงครับ คือ ความเหงาเกิดขึ้นแล้ว และความเศร้าก็เกิดขึ้น ซึ่ง
เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้วก็คือ โทสะ ความขุ่นใจ ความไม่สบายใจ ดังนั้นที่เกิดความ
เหงา เศร้าใจได้เพราะมีกิเลสที่สะสมมามากครับ ความท้อแท้ ความหดหู่ก็เป็นกิเลส
อีกเช่น ดังนั้นจะชอบหรือไม่ชอบก็เกิดแล้วครับ ดังนั้นแต่ละคนก็ต่างๆ กันไปที่จะเกิด
กิเลสประการต่างๆ แต่กระผมอยากจะเรียนถามและขอแนะนำประการหนึ่งครับ ในเรื่อง
เกี่ยวกับโรคทางโลก คือ โรคซึมเศร้าครับ ซึ่งถ้าเป็นมากและมีอาการนอนไม่หลับร่วม
ด้วยแล้ว ควรปรึกษาคุณหมอนะครับ เพราะความซึมเศร้า ท้อแท้ทิ่เกิดมากเกินไป ก็จะมี
ผลกับจิตใจเพราะกิเลสที่เกิดมากเกินไปในกิเลสประเภทนี้ ซึ่งถือว่าเป็นโรคประการ
หนึ่งในปัจจุบันที่ผู้คนเป็นกันอยู่นะครับ แน่นอนครับว่าควรฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม
เป็นปกติ แต่ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้นที่ทำให้ท้อแท้ผิด
หวังบ่อยๆ ครับ ฟังพระธรรมด้วย อันรักษาต้นเหตุคือโรคทางใจ และก็ควรปรึกษาหาหมอ
โรคกายประกอบกันไปในชีวิประจำวันด้วยครับ ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ความเหงา ความท้อท้อ ท้อถอย ล้วนเป็นธรรมที่มีจริง แต่เป็นธรรมฝ่ายที่เป็นอกุศล-ธรรม เป็นธรรมฝ่ายดำ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แสดงให้เห็นความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ทุกๆ วัน จะมีแต่ความเหงา ความท้อแท้ ท้อถอย ก็ไม่ใช่ เพราะจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว ในขณะอื่นที่่ไม่ใช่สภาพ-ธรรมดังกล่าวก็มี อย่างเช่น ในขณะที่เห็น ที่ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย ไม่เหงา ไม่ท้อแท้ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นเลย แต่หลังจากนั้น ก็เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล ขณะที่หลับสนิท ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่เป็นกุศล ไม่เป็นอกุศล โลกนี้ไม่ปรากฏ ในขณะที่หลับสนิท จึงไม่เหงา ไม่ท้อแท้ท้อถอยและขณะที่เป็นกุศล ก็ไม่เหงา ไม่ท้อแท้ท้อถอย เช่นเดียวกัน การเกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ได้ยากแสนยาก ไม่ว่าจะมีชีวิตอย่างไร ก็ขอให้ได้พิจารณาว่า สิ่งที่มีค่่าที่สุด คือ กุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูก เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย อีกทั้งไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ย่อมเป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นการสะสมเสบียงเครื่องเดินทางอย่างดีในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดไม่มีการเกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ "ความเหงา ความท้อแท้ ท้อถอย ไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากเป็นอกุศลธรรม ชีวิต ยังมีค่า และจะมีค่าก็ต่อเมื่อเป็นไปกับด้วยกุศล ด้วยการเป็นคนดี และ ได้ฟังพระธรรมให้เข้ายิ่งขึ้น" ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เหงา ดีกว่า เสียใจ แล้วกัน มีอะไรก็คุยมาแล้วกัน พยายาม เชื่อตัวเองมากกว่าเชื่อคนอื่น
อย่าเอา คำพูดของคนอื่นมาใส่ใจ มั่นใจอะไรก็ทำอย่างนั้น ....คิดแค่ว่าเกิดมาแล้วก็ต้อง
ตาย แล้วก่อนตายจะทำอะไรดี !
ทุกคนมีจิตใจเพราะฉะนั้นในบางครั้งเราก็อาจจะรู้สึกเสียใจ เหงา เศร้า ถ้าอยากจะร้องไห้
ก็ร้องไห้ออกมาให้เต็มที แล้วก็ดึงใจของเรากลับมาแล้วตั้งต้นใหม่เริ่มคิดกระทำสิ่งที่ดีที่
เป็นประโยชน์กับตัวเอง และผู้อื่น เรื่องอะไรที่เป็นทุกข์ก็พยายามอย่าไปคิดมัน (แต่มันก็
เป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ) ขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
เหงาเป็นอกุศลจิต..เหงาบ่อยเพราะสะสมอกุศลจิตที่เป็นความเหงาบ่อยๆ ..ถ้ามีมากๆ ออกทางกายวาจา เช่นการร้องไห้...หากศึกษาธรรมะให้เข้าใจอย่างน้อยในขณะที่ศึกษาธรรมะด้วยการฟังหรืออ่านหนังสือเป็นการสะสมปัญญาแทนที่จะสะสมความเหงา..ขณะที่ศึกษาพระธรรมผ่าน web บ้านธัมมะขณะนั้นก็ไม่ได้สะสมความเหงาแต่สะสมปัญญาที่จะเข้าใจธรรมะ...ขออนุโมทนาคะ
จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ ........แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนนะ
ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง ตัวเองก็ยังรู้ทันมั่ง ไม่รู้มั่ง
"..ที่เกิดความ เหงา เศร้าใจได้เพราะมีกิเลสที่สะสมมามาก.."
"..ทุกๆ วัน จะมีแต่ความเหงา ความท้อแท้ ท้อถอย ก็ไม่ใช่..
ในขณะอื่นที่่ไม่ใช่สภาพธรรมดังกล่าวก็มี
อย่างเช่น ในขณะที่เห็น ที่ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย
ขณะที่หลับสนิท... และขณะที่เป็นกุศล..
ชีวิต ยังมีค่า
และจะมีค่าก็ต่อเมื่อเป็นไปกับกุศล
ด้วยการเป็นคนดี และ ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้น.."
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผเดิม อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ