เพราะความน่าอัศจรรย์ของสหายธรรมเวียดนามที่สนใจศึกษาพระธรรม และศึกษาเพียง 1 ปี ก็เข้าใจพอที่จะรวมกลุ่มจัดสนทนาธรรม โดยเชิญท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ไปที่เวียดนาม 4 ครั้งแล้ว โดยครั้งแรกจัดที่ฮานอย เวียดนามเหนือ (4 พ.ย. – 12 พ.ย. 55) มีผู้เข้าร่วมสนทนาต่อเนื่องทุกวันประมาณ 30 คน ครั้งที่ 2 จัดที่โฮจิมินห์ซิตี (ไซ่ง่อน) และหวฺงเต่า เวียดนามใต้ (31 ส.ค. – 10 ก.ย. 56) มีผู้เข้าร่วมสนทนาเดินทางมาจากเมืองต่างๆ ประมาณ 50 คน ครั้งที่ 3 จัดที่ฮอยอัน และเว้ เวียดนามกลาง (16 พ.ค. – 31 พ.ค. 57) มีผู้เข้าร่วมสนทนาประมาณ 100 คน และครั้งสุดท้าย เป็นการสนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อน มีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน ในห้องประชุมใหญ่ของโรงแรมรามานา กลางเมืองไซ่ง่อน ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 57 – 8 ม.ค. 58 ได้สอบถามคุณ Tam Bach (ผู้นำในการศึกษา มีความเข้าใจและขยันในการเผยแพร่ธรรมะมากจนได้สมญาว่า อาจารย์สุจินต์ เวียดนาม) ว่า ประชาสัมพันธ์อย่างไรจึงมีผู้ร่วมฟังมากขึ้นทุกครั้ง เธอตอบว่า เพราะจัดสนทนาธรรมทุกอาทิตย์ (online ด้วย) อาทิตย์ละ 3 วัน และมีเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของชมรมบ้านธัมมะ มศพ. เวียดนาม พร้อมกับแปลหนังสือของ มศพ. เป็นภาษาเวียดนาม เช่น ปรมัตถสังเขป พุทธศาสนาในชีวิตประจำวัน เป็นต้น รวมทั้งหนังสือเขียนเอง คือ สนทนาธรรม กับ ท่านอาจารย์สุจินต์ที่เวียดนาม แจกจ่ายให้แก่ผู้สนใจ เมื่อได้อ่านหนังสือแล้วมาสนทนาธรรมจึงมีคำถามที่เป็นประโยชน์กับทุกคนที่เข้าร่วมฟัง ความสนใจศึกษาธรรมะอย่างจริงจังของลูกหลานเวียดนาม ทำให้มีความหวังว่า พระธรรมคำสอน ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่เสื่อมจากความเข้าใจของผู้ที่ทำบุญไว้แล้วในเร็ววัน เพราะความอัศจรรย์เหล่านี้ สายธารแห่งศรัทธา จึงหลั่งไหลมาสู่สหายธรรมเวียดนาม เมื่อกลุ่มของเธอเดินทางมาประเทศไทย
หลังจากการสนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อนจบลง คณะผู้จัดเวียดนามที่เข้าใจภาษาอังกฤษ ก็เดินทางมาประเทศไทย เพื่อร่วมสนทนาธรรมกับสหายธรรมชาติอื่นๆ ที่แก่งกระจาน ครั้งนี้ สนทนาเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ มีผู้สนใจจากชาติต่างๆ หลายชาติ คือ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย รัสเซีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และ กลุ่มใหญ่ คือ เวียดนาม 11 คน รวมทั้งหมด 26 คน
น่าอัศจรรย์ที่แม้จะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง พูดกันคนละภาษา แต่ความสนใจศึกษาและเริ่มเข้าใจธรรมะ ก็ทำให้มารวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ เหมือนญาติพี่น้องที่ไม่ได้พบกันมานานได้พบกันอีกครั้ง เมื่อลูกหลานเวียดนามมาในครั้งนี้ จึงมีผู้มีจิตศรัทธาต้องการเจริญกุศล ช่วยต้อนรับ ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน คือ คุณฟองจันทร์ นันตา วอลช์ ให้พักที่บ้านซอย ปรีดีพนมยงค์ 16
และเมื่อไปแก่งกระจาน ก็ได้อาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม บริการที่พักลดราคา 50% และอาหารทุกมื้อ คุณปริญญา สีดาโสมและคุณเบญจมาศ สุขสำราญ ภรรยา บริการรถรับส่ง 2 คัน (ท่านขับเอง) ในวันหยุดสนทนาธรรม วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ พาไปส่งที่คอนโดหรูของคุณปรีดาและคุณกุสุมา โกมลกิติ (จู) ที่หัวหิน มีคุณเมตตาช่วยรับรองแขกและพาไปท่องเที่ยวเขาวัง เพชรบุรี พร้อมเลี้ยงอาหารหลายมื้อ
เมื่อการสนทนาธรรมที่แก่งกระจานจบลงในวันพฤหัสบดีที่ 22 ม.ค. 58 น้องนภา จันทรางศุ คนสวยใจบุญ และเพื่อนหลายคน เท่าที่ทราบมี คุณพรทิพย์ ถูกจิตร คุณอรวรรณ เชิญรุ่งโรจน์ คุณวันชัย ภู่งาม ฯลฯ ร่วมกันทำอาหารกลางวันมื้อใหญ่เลี้ยงสหายธรรมทุกคนที่บ้านชายทะเลชะอำของคุณนภา
และลูกหลานเวียดนามนำอาหารกลับมาฝากที่บ้านมากมาย ตั้งใจจะพาไปเลี้ยงอาหารเย็นนอกบ้าน เลยกลายเป็นว่า น้องนภาทำอาหารเย็นมาให้พวกเราทานด้วย ทะเลหลนของน้องอร่อยมาก แย่งกันทานกับอาจารย์ฉัตรชัยจนไม่เหลือติดก้นถ้วย
สหายธรรมเวียดนามกลับไป 1 คน เหลืออยู่ 10 คน พักผ่อนและท่องเที่ยวต่อ โดยพักที่บ้าน รศ. สงบ และ พล.อ.ต.หญิง กาญจนา เชื้อทอง ซึ่งพาไปท่องเที่ยวเมืองอยุธยา มรดกโลก 1 วัน คุณจันทนา ส่องแสงจินดา และคุณยุพิน สุชลธาดา อาสาขับรถรับส่ง แต่ไม่มีโอกาส เพราะคนมากกว่ารถ จึงต้องเช่ารถตู้ ขอขอบคุณคุณป๊อบ พรชัย อภิศักดิ์ศิริ มนตรีทรานสปอร์ต ที่กรุณาติดต่อให้จนได้ราคาพิเศษ
ในวันนั้นท่านพลเอกพหล และท่านทูตกฤษณา จันทรประภา ได้กรุณาขับรถนำขนมถ้วยไปฝากถึงอยุธยา เป็นขนมไทยโบราณที่อร่อยมาก ท่านนำมาร่วมเจริญกุศลด้วย 200 ถ้วย บอกให้รับประทานคนละ 10 ถ้วย คุณน้ามณยาภรณ์ ตรีมงคล น้าสาวทำขนมจีนน้ำพริก น้ำยา แกงเขียวหวาน คุณปรียาภา เทียมวรรณ น้องสาวทำก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกพร้อมขนมหวาน อร่อยมากเลี้ยง และไม่ยอมรับเงิน บอกว่าต้องการเจริญกุศลกับผู้ศึกษาธรรมะ แม้ว่ารู้ว่าการศึกษาธรรมะนั้นดี แต่ตัวเองยังไม่ศึกษา คงยังไม่ถึงเวลา ขอให้ถึงเวลาเร็วๆ นะน้องรัก พี่ไม่มีมรดกอะไรที่มีค่าไปกว่านี้มอบให้อีกแล้ว
เช้ามืดวันที่ 25 ธ.ค. 58 ไปส่งสหายธรรมเวียดนามที่สนามบินดอนเมือง เดินทางกลับบ้าน 7 คน เหลืออีก 3 คนเดินทางไปเชียงใหม่ ซึ่งอาจารย์ฉัตรชัย กิติพรชัย webmaster ผู้ขยันขันแข็ง ให้พักที่บ้าน (ติดกับบ้านธัมมะเดิม ที่อาจารย์บริจาคให้มูลนิธิ ต่อมาคณะกรรมการเห็นว่าเสียค่าใช้จ่ายมากไม่คุ้มกับประโยชน์ที่ได้รับ จึงขายให้พี่สาวอาจารย์ฉัตรชัยที่อาศัยถาวรอยู่ที่ออสเตรเลีย ในราคา 3 ล้านบาท โดยให้อาจารย์ที่อยู่บ้านติดกันดูแลบ้านให้พี่สาวซึ่งจะมีพักปีละครั้ง จึงมีหลายคนเข้าใจผิดว่าอาจารย์ฉัตรชัยบริจาคบ้านแล้วเอาคืน ขอแก้ข่าวให้ตรงนี้ค่ะ เพราะตั้งแต่รู้จักอาจารย์มา ขอบอกได้ว่า อาจารย์เป็นคนดีระดับที่ไม่เคยพูดถึงความดีของตนเอง และไม่เคยพูดถึงความไม่ดีของคนอื่นเลย เห็นว่า ถ้าปล่อยให้เข้าใจผิดกันไป ก็จะเป็นบาปกับคนคิดและพูดต่อเรื่องไม่จริงค่ะ)
อาจารย์ให้ลูกหลานเวียดนาม 3 คน พักที่บ้าน โดยที่ตัวอาจารย์เองยังอยู่กรุงเทพ เพราะจองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าว่าจะไปพร้อมท่านอาจารย์สุจินต์ในวันที่ 27 ม.ค. 58 จึงให้ลูกศิษย์ น้องเบน บุญยวีร์ รัชนี มารับที่สนามบินและพาไปส่งที่บ้าน โดยมอบกุญแจบ้านให้กับคุณ Tam Bach ตั้งแต่ที่กรุงเทพฯ แล้ว น้องเบนคงจะเล่าเองว่าได้พาไปไหนบ้าง ตอนเย็น คุณ Tom และคุณ Bev ที่อาศัยถาวรอยู่ที่อเมริกา ท่านทั้งสองทำงานอาสาสมัครมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาเด็กที่พ่อแม่ป่วยเป็นโรคเอดส์ มาอยู่เชียงใหม่ปีละ 4 เดือน และไปร่วมสนทนาธรรมข้ามปีที่ไซ่ง่อนด้วยกัน ขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็น
วันรุ่งขึ้น 26 ม.ค. อาจารย์มอบหมายให้คุณชุมพร และคุณหมู ดูแลแขกต่อ ส่วนในวันที่ 27 ม.ค. อาจารย์จะไปดูแลต่อเอง โดยทราบตั้งแต่อยู่เวียดนามว่า คุณสุภาพรรณและผองเพื่อนใจบุญ มอบปัจจัยให้อาจารย์ฉัตรชัยนำไปเลี้ยงอาหารสหายธรรมเวียดนามด้วย ไม่ทราบว่ากุศลจะสำเร็จหรือไม่นะคะ เพราะลูกหลานเวียดนามกลุ่มนี้จะแย่งออกเงินเองเสมอ
ระหว่างที่สหายธรรมเวียดนามมาอยู่ที่บ้าน 3 วัน 3 คืนนั้นน่ารักมาก ไม่ทำตัวเป็นแขก ไม่เรียกร้องอะไรเลย ตื่นก่อนเจ้าของบ้าน แล้วก็กวาดรอบบ้าน (เพราะตอนนี้ดอกช่อมาลีออกช่อขาวเต็มต้น สวยน่ารักดีเวลาอยู่บนต้น แต่ตอนเช้าจะร่วงเต็มบริเวณบ้านทำให้เลอะเทอะไปหมด) รับประทานเสร็จก็ช่วยกันล้างจาน อาจารย์ Tam บอกว่า ทำความสะอาดเสร็จแล้วก็สนทนาธรรม เราจะขอร่วมสนทนาด้วย เธอบอกว่าเป็นภาษาเวียดนาม เพราะมีหลายคนไม่คล่องภาษาอังกฤษ มีข้อสงสัยมาถามต่อ ลูกหลานเหล่านี้ประพฤติปฏิบัติตนสมกับเป็นผู้ศึกษาและเริ่มเข้าใจพระธรรม
เมื่อจะลาจากกัน ทุกคนขอบคุณในน้ำใจของสหายธรรมไทยที่มีต่อพวกเขา บอกพวกเขาว่าพวกเราเจริญกุศลกับพวกเขาเพราะเขาเป็นคนดี ศึกษาพระธรรม และเข้าใจพระธรรม เหมือนท่านอาจารย์ที่ศึกษาและเข้าใจพระธรรมอย่างลึกซึ้ง ท่านไม่เก็บความเข้าใจไว้คนเดียว แต่พากเพียรเผยแพร่ให้คนอื่นได้เข้าใจตามด้วย แม้ความเข้าใจนั้นจะเกิดได้ยาก ต้องใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม ท่านก็ไม่ย่อท้อ ทุกคนที่มีศรัทธาเห็นสถานที่ใดสวยงาม น่ารื่นรมย์ จึงอยากกราบเรียนเชิญท่านไปพักผ่อนและสนทนาธรรม ใครๆ ก็อยากให้ท่านไปเยี่ยมเยือนสถานที่ของตนเองเพื่อเป็นสิริมงคล แม้แต่ที่ชาวเวียดนามเองก็ตาม ถ้าจะตอบแทนบุญคุณพวกเราก็ขอให้พวกเขาทำดีและศึกษาพระธรรม เพื่อช่วยกันเผยแพร่ความเห็นถูกให้กว้างขวางต่อไป สาธุ สาธุ สาธุ
ถ้าตกหล่นชื่อใครไปบ้าง ก็ขออภัย เพราะไม่ได้อยู่ในทุกสถานที่ (นั่งเทียนเขียนตามคำบอกเล่าบ้าง ตามภาพที่ส่งมาบ้าง) ขอเรียนเชิญเขียนเล่าเรื่องและภาพถ่ายให้ผู้อ่านคนอื่นๆ ได้ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงและพี่สงบด้วยครับ
เมื่อได้อ่านเรื่องการให้การต้อนรับสหายธรรมชาวเวียดนามของพี่ทั้งสอง ทำให้รู้สึกเสียดาย ที่พลาดโอกาสในการร่วมการต้อนรับคณะสหายธรรมทุกท่านที่อยุธยา เนื่องจากเมื่อกลับจากชะอำในวันที่ ๒๒ วันรุ่งขึ้นก็ติดภารกิจคุณลูกสาวคนสุดท้องที่มีกิจกรรมของโรงเรียน ซึ่งต้องตื่นแต่ตีหนึ่งและอยู่ร่วมกิจกรรมลูกทั้งวัน หมดโอกาสที่ตั้งใจว่าจะขับรถมาร่วมกับคณะฯของพี่ที่อยุธยาในตอนบ่าย อย่างที่คิดไว้ ขอเล่าในส่วนของผมและคุณภรรยา ที่ได้รับความกรุณาจากคุณแอ๊ว (นภา จันทรางศุ) ในวาระพิเศษ เพื่อร่วมการเจริญกุศลเลี้ยงอาหารกลางวันกลุ่มสนทนาธรรมต่างชาติในครั้งนี้ ที่คุณแอ๊ว ได้รับโอกาสจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารในมื้อกลางวันของวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ หลังเสร็จสิ้นการสนทนาฯ โดยเราได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ พร้อมเครื่องครัวและอาหารสดนานาชนิดในวันที่ ๒๑ เมื่อถึงชะอำ คณะของเรา มีคุณแอ๊ว (นภา จันทรางศุ) เจ้าภาพและเจ้าของบ้านพักตากอากาศชายทะเลที่ชะอำแห่งนี้ พี่อรวรรณ เชิญรุ่งโรจน์ คุณพรทิพย์ ถูกจิตร คุณจิราภรณ์ สินสมุทร และ คุณสุภาพร ภู่งาม (คุณภรรยาของผม) ก็เริ่มเตรียมงานกันด้วยความพร้อมเพรียง เป็นไปกับความร่าเริงในการทำงาน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นสบายๆ ทันที
ส่วนผม มีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูเล็กๆ น้อยๆ และจัดเตรียมสถานที่เช่นเคยครับ
รุ่งขึ้นในวันจัดเลี้ยง ทุกท่านตื่นแต่เช้า ช่วยกันเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม แข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็ว โดยมีคุณแอ๊วเป็นแม่ครัวใหญ่เช่นเคย มีลูกมือ ๔ สาวเป็นผู้ช่วยเตรียมอาหารสำหรับคณะสนทนาธรรมในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อรวมกับสหายธรรมชาวไทยและ คณะของเราที่ทำการต้อนรับ มีจำนวนถึงราวห้าสิบท่านทีเดียว
ในการนี้ คุณขจีรัตน์ แก้วทานัง เจ้าของร้านขนมหวานชื่อดังหน้าวังไกลกังวล หัวหิน สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ ๑๖๕๘ ได้นำขนมไทยนานาชนิดของที่ร้านมาร่วมเจริญกุศลด้วย เป็นจำนวนมาก โดยมีขนมเทียนเสวยขนานแท้ ที่คุณขจีรัตน์บอกว่าเป็นของทรงโปรด เมื่อเวลาเสด็จมาประทับ ณ วังไกลกังวล และ เป็นขนมที่ขายดีมากของร้าน คุณขจีรัตน์ นำขนมมามากจนถึงกับต้องใส่ถุงแจกทุกคนกลับไปรับประทานที่บ้านด้วย และที่พิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ เมี่ยงคำชื่อดัง ของคุณหมอทวีป ถูกจิตร ที่ท่านลงมือทำเองเพื่อนำมาร่วมเจริญกุศลกับคุณแอ๊วในครั้งนี้ ถึงสี่ชุดใหญ่ๆ ซึ่งเป็นที่สนใจและถูกใจชาวเวียดนามและชาวต่างชาติท่านอื่นๆ เป็นอย่างมาก
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณขจีรัตน์ และ พี่หมอทวีป ด้วยครับ ในตอนสาย คุณประกิต สามีที่น่ารักมากๆ ของคุณแอ๊ว ก็ขับรถนำอาหารจากกรุงเทพฯมา เป็นอาหารไทยแสนอร่อย จากฝีมือคุณแม่ของคุณแอ๊ว ที่ตื่นขึ้นมาปรุงตั้งแต่ตีสี่ มีแกงมัสมั่นไก่หม้อใหญ่ หลนปูใส่กุ้งพร้อมผักสดจัดมาอย่างสวยงามในโตกหวายอันใหญ่และต้มผักเจ อีกหนึ่งหม้อใหญ่ อาหารฝีมือคุณยายอร่อยทุกอย่างจริงๆ ครับ
คุณแอ๊วได้รับสายจากท่านอาจารย์ ที่ท่านกรุณาโทรฯมาแจ้งว่าท่านจะมาก่อนเวลาเล็กน้อยคือ ราว ๑๑ โมง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ท่านจะขอตัวกลับกรุงเทพฯก่อนเนื่องจากมีธุระด่วน เราทุกคนจึงต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่ท่านอาจารย์จะมาถึง ซึ่งก็เสร็จทันเวลาในนาทีสุดท้ายจริงๆ เป็นที่สนุกสนาน เบิกบานใจตลอดเวลาที่ทำงานครับ
ท่านอาจารย์เดินทางมาถึงราว ๑๑ โมง พร้อมกับท่านอาจารย์ดวงเดือน และ คุณป้าจี๊ด โดยมีคณะชาวต่างชาติท่านอื่นๆ ตามมาในเวลาไม่นาน
ก่อนที่ท่านอาจารย์จะเดินทางกลับ ท่านได้เดินไปอำลาทุกๆ คนถึงที่นั่งรับประทานอาหาร เป็นภาพที่คุณแอ๊วเธอบอกว่า เธอประทับใจ รู้สึกเบิกบานและชื่นใจ ในความเมตตาของท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่งครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา คุณนภา จันทรางศุ คุณประกิต และคุณแม่ของคุณนภา ท่านเจ้าบ้านผู้เปี่ยมศรัทธา เป็นเจ้าภาพในการจัดเลี้ยงอาหารกลางวันในครั้งนี้ อันเป็นการสนับสนุน และส่งเสริมการเผยแพร่พระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองไปในแดนไกล เป็นปัจจัย และ เป็นกำลังหนึ่ง ของความดำรงอยู่ของพระศาสนา อันสหายธรรมจากแดนไกลจากหลายประเทศที่มา ย่อมรู้สึกประทับใจในไมตรีที่มี ขออนุโมทนา พี่อรวรรณ เชิญรุ่งโรจน์ คุณพรทิพย์ ถูกจิตร พี่จิราภรณ์ สินสมุทร คุณสุภาพร ภู่งาม พี่ปริญญา สีดาโสม พี่เบญจมาส สุขสำราญ พี่จู กุสุมา โกมลกิตติ พี่ฟองจันทร์ วอลช พี่เมตตา ชัยศรีโสภณกิจ และทุกๆ ท่าน ที่มีส่วนร่วมกันในการเจริญกุศลในครั้งนี้ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเป็นอย่างยิ่งครับ
"...ของขวัญที่ประเสริฐที่สุด ก็คือ พระรัตนตรัย และ สำหรับการที่ทุกท่านเกิดมาพบกัน แต่ละชาติในสังสารวัฏฏ์ โดยสถานต่างๆ บางชาติก็อาจจะเป็นเพื่อนฝูงมิตรสหาย บางชาติก็อาจจะเป็นศัตรู หรือบางชาติก็อาจจะเป็นมารดาบิดา เป็นญาติพี่น้อง แต่ว่า การพบกันในชาติซึ่งได้เกื้อกูล เป็นมิตรกันในพระธรรม หรือว่า มีส่วนร่วมกันเผยแพร่พระธรรม ชาตินั้นก็ต้องเป็นชาติที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์ ยิ่งกว่าชาติอื่นๆ ซึ่งเกิดมาโดยสถานอื่น..."
(คัดจาก 00133 แนวทางเจริญวิปัสสนา แผ่นที่ ๓๒ - ชุดแนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 1908 ที่ห้องประชุมตึกสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย วันอาทิตย์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๒)
"ทำดี และ ศึกษาพระธรรม"
กราบเท้าบูชาพระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาพระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ ที่ร่วมกันเจริญกุศลค่ะ
อาจารย์ฉัตรชัยได้ติดต่อทางไลน์ตั้งแต่สนทนาธรรมที่ประเทศเวียดนามให้มาช่วยดูแลกลุ่มสนทนาธรรมชาวเวียดนามที่จะเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 25 มกราคม 2558 ซึ่งอาจารย์ยังอยู่ที่กรุงเทพ จึงขอให้ดิฉันมาช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้ คุณแม่แดงกับคุณพ่อสงบจึงได้แนะนำให้มาพบปะที่บ้านในวันที่ 22 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา พร้อมอาจารย์ฉัตรชัย โดยกำหนดการแน่นอนจะถึงสนามบินเชียงใหม่ใน เวลา 11.00 น.
เช้าวันที่ 25 มกราคม 2558 จึงได้ไปรอพบที่สนามบิน หลังจากทักทายคุณ Tam ทั้งสองและคุณ Mai แล้วจึงได้พาไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านดอยคำรีสอร์ท (Tree House) ทั้งสามประทับใจบรรยากาศร้านมาก เธอบอกว่าที่นี้อากาศสดชื่นและแตกต่างจากกรุงเทพอย่างสิ้นเชิง ระหว่างรออาหารจึงได้พาไปถ่ายรูปบ้านต้นไม้ จึงรับอาสาเป็นตากล้องถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของร้าน โดยใช้กล้องมือถือของคุณTam เล็ก มื้อนี้สหายธรรมทั้งสามสั่งเหมือนกันคือผัดไทย และเมื่อได้ลองชิมข้าวคลุกกะปิที่ดิฉันสั่ง คุณTam Bach กับคุณ Mai ถึงกับติดใจในรสชาติและสั่งเพิ่มมารับประทาน ร่วมกันอีก 1 จาน ระหว่างนั้นดิฉันจึงพูดคุยและถามถึงสถานที่ที่ต้องการไป ซึ่งทราบว่าคุณ Tam อยากไปวัดร่ำเปิง เพื่อพบพระอาจารย์สุพรรณ และอยากไปเที่ยววัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 26 มกราคม จึงได้ติดต่อ พี่หมู พี่ชุมพร และอาจารย์ฉัตรชัย ประสานเรื่องการนัดหมายที่วัดร่ำเปิงเวลาบ่ายโมง ซึ่งหลังจากเที่ยวเสร็จแล้วพี่หมู ยังได้เชิญสหายธรรมทั้งสามไปรับประทานอาหารที่บ้านในตอนเย็นด้วย สำหรับวันที่ 27 มกราคม คุณTam อยากพบท่านอาจารย์สุจินต์ ซึ่งอาจารย์ฉัตรชัยได้ติดต่อให้คุณพรทิพย์มารับทั้งชาวเวียดนามทั้งสามที่บ้านในตอนเช้า ชาวเชียงใหม่จึงได้เจริญกุศลกันถ้วนหน้า หลังจากที่ประสานงานได้เวลานัดแนะที่แน่นอนแล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารเพื่อแจ้งให้ทราบ ปรากฏว่าทั้งสามท่านได้จ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว คุณ Tam Bach บอกว่าไม่เป็นไร ให้กล่าวคำอนุโมทนาแทน
จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปบ้านพักของอาจารย์ฉัตรชัย เพื่อเก็บกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพี่สาวของอาจารย์ฉัตรชัย และคุณแกรม สามีของพี่สาวอาจารย์ พาไปที่พักซึ่งจัดไว้อย่างสวยงาม ทั้งสามจึงได้พักผ่อนที่บ้านอาจารย์จนถึงเวลา 14:30 จึงเดินทางไปเที่ยวที่ ไนท์ซาฟารี บรรยากาศที่นี้ร่มรื่นและมีกวางให้เดินประปรายตั้งแต่ทางเข้าประตู ครั้งนี้จึงตั้งใจไว้ว่าจะไปจ่ายค่าบัตรผ่านให้ แต่เหมือนทั้งสามสาวเหมือนจะรู้ทัน ต่างคนจึงต่างวิ่งใช้ความเร็วจนไปถึงเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว ทำเอาคนแถวนั้นแปลกใจ ดิฉันถึงก่อนจึงรีบยื่นเงินให้ แต่ทางคุณ Mai มาข้างหลังโอบเอวดึงตัวออกไปซะไกล และคุณ Tam เล็กจึงเข้าไปซื้อตั๋วแทน งานนี้ขอบอกว่าความเร็วสู้แรงกำลังคุณ Mai ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ทั้งหมดเลือกชมสัตว์บริเวณรอบสระน้ำ ซึ่งมีสัตว์ต่างๆ ชมตลอด คราวนี้จึงได้โอกาสเจริญกุศลบ้างด้วยการซื้ออาหารให้นากทั้ง 4 ตัวแทน
หลังจากเดินรอบแล้ว ยังมีเวลาเหลือ จึงพาไปเที่ยวที่ถนนคนเดินเพื่อซื้อของที่ระลึก และได้แวะร้านโยเกิร์ต Home made หลายรส คราวนี้เจ้าของร้านเป็นใจ ไม่ยอมรับเงินจากสหายธรรมทั้งสาม จึงบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ อนุโมทนาแทนนะค่ะ คุณTam ถึงกับอมยิ้ม
เดินได้สักพักจึงได้เดินทางไปตามเวลานัด 6 โมงเย็น เพื่อพบคุณ Tom และภรรยาซึ่งเป็นเจ้าภาพมื้อนี้ ที่ร้านอาหารร่มไม้ ทั้งสองท่านคุยสนุก และเป็นกันเองมาก ตลอดเวลารับประทานอาหารส่วนใหญ่จึงเป็นการพูดคุยรื่องราวเกี่ยวกับธรรม และดิฉันจึงได้เล่าเรืองที่มูลนิธิพูดเรื่องสนทนาธรรมข้ามปีที่เวียดนามที่มีผู้สนใจธรรมเป็นจำนวนมาก คุณTam Bach แจ้งว่าจะเชิญท่านอาจารย์ไปสนทนาธรรมข้ามปีในสิ้นปีนี้ รวมถึงได้จัดการสนทนาธรรมที่ศรีลังกาด้วย ซึ่งคุณ Tom และภรรยาไม่รอช้า รีบบันทึกลงสมุดโน๊ตเพื่อร่วมเจริญกุศลครั้งนี้ด้วย หลังจากรับประทานอาหารเสร็จจึงได้ถ่ายรูปร่วมกัน และไปส่งที่บ้านอาจารย์ฉัตรชัย ก่อนกลับจึงได้กล่าวขออภัย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางคุณ Tam ก็กล่าวขอบคุณและยังให้กาแฟเวียดนามอีก เที่ยงวันนี้เลยไม่รอช้ารีบไปซื้อของฝากรวมถึงดอกอัญชันแห้งที่คุณแม่แดง บอกว่าให้มอบให้คุณ Tam เล็ก ไว้ให้สหายธรรมเวียดนามที่สนใจไปทำแชมพูมะกรูด อัญชันที่เวียดนาม เพราะคุณแม่แดงซื้อมะกรูดให้แล้ว คาดว่า OTOP ไทยได้ประชาสัมพันธ์ดี ได้โกอินเตอร์งานนี้แหละค่า
ขอกราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ
ปริญญา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และอาจารย์ดวงเดือน บารมีธรรม
ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาทุกๆ ท่านที่มีกุศลจิต และความเอื้อเฟื้อแด่ เพื่อนๆ สหายธรรมขาวต่างชาติให้ได้รับความอบอุ่นโดยทั่วกัน
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณป้ากาญจนา
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ ^^
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นการเจริญกุศลได้ทุกประการจริงๆ ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ