ความจริงแห่งชีวิต [121] ทรงแสดง เวทนาเจตสิก เป็น เวทนาขันธ์
โดย พุทธรักษา  28 ส.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 13380

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การศึกษา​พระอภิธรรมโดยละเอียดทำให้เข้าใจสภาพของเวทนา​เจตสิกซึ่งเกิดกับจิตได้ถูกต้อง มิฉะนั้นก็จะพอใจ หลงติดในโสมนัสเวทนา ในสุขเวทนา หรือในอุเบกขา​เวทนา โดยไม่รู้ว่า​เวทนา​ขณะใดเป็นกุศล ขณะใดเป็นอกุศล ขณะใดเป็นวิบาก ขณะใดเป็นกิริยา

ในอังคุตตรนิกาย เอกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ สนิมิตตวรรคที่ ๓ ข้อ ๓๒๘ มีข้อความว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เป็นบาปอกุศล มีเวทนา​จึงเกิดขึ้น ไม่มีเวทนา​ไม่เกิดขึ้น เพราะละเวทนา​นั้น ธรรมที่เป็นบาปอกุศลเหล่า​นั้นจึงไม่มีด้วยประการ ดังนี้ฯ

(ข้ออื่นๆ กล่าวถึงสัญญา​เจตสิกซึ่งเป็นสัญญา​ขันธ์ เจตสิกอื่นๆ ซึ่งเป็นสังขารขันธ์ และจิตซึ่งเป็นวิญญาณขันธ์)

แสดงว่าเวทนา​เจตสิกซึ่งเป็นความรู้สึกนั้น เป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น เมื่อไม่รู้ความจริงของเวทนา​เจตสิก ก็ไม่สามารถละความรู้สึกว่า​เป็นเรา​ได้

การรู้สภาพของเวทนา​เจตสิกจะเกื้อกูลให้สติเริ่มระลึกรู้ลักษณะของเวทนา​ได้ มิฉะนั้นก็จะไม่ระลึกได้เลยว่า​ในวันหนึ่งๆ นั้นมีเวทนา เช่นเดียวกับในวันหนึ่งๆ ก็มีแต่สภาพที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะจิตเกิดขึ้นรู้สภาพธรรมนั้นๆ แต่ลองคิดดูว่าถ้า​เห็นแล้วไม่มีความรู้สึกอะไรเลยก็ไม่เดือดร้อน ถ้า​ได้ยินแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่เดือดร้อนอีกเหมือนกัน เมื่อได้กลิ่น ลิ้มรส รู้โผฎฐัพพะ แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยก็ไม่เดือดร้อน ก็ย่อมไม่มีบาปอกุศลกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อมีความรู้สึกเกิดขึ้น จึงติด และยึดมั่นในความรู้สึก และอยากได้สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีใจเป็นสุข ทำให้อกุศลธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ โดยไม่รู้ตัว ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา​ไม่มีใครสามารถยับยั้งไม่ให้เวทนา​เจตสิกเกิดขึ้น ไม่ว่า​จิตเกิดขึ้นขณะใด ก็จะต้องมีเวทนา​เจตสิกที่รู้สึกในอารมณ์ขณะนั้น ขณะนี้เวทนา​เจตสิกย่อมจะเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด คือ อุเบกขา​เวทนา สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา โทมนัสเวทนา การศึกษา​ธรรมไม่ใช่เพียงเพื่อให้รู้จำนวน หรือรู้ชื่อ แต่เพื่อให้รู้ลักษณะของความรู้สึกซึ่งกำลังมี ซึ่งถ้า​สติไม่เกิดระลึกรู้ลักษณะของความรู้สึกที่กำลังมีในขณะนี้ แม้ความรู้สึกนั้นมีจริงเกิดขึ้นแต่ก็ดับไปแล้ว เมื่อไม่รู้ลักษณะที่แท้จริงของความรู้สึก ก็ย่อมจะยึดถือความรู้สึกว่า​เป็นเรา​ซึ่งเป็นสุข เป็นทุกข์ ดีใจ เสียใจ หรือเฉยๆ

ฉะนั้น ตราบใดที่สติไม่เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของความรู้สึก ย่อมไม่มีทางที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่า​เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะทุกคนยึดมั่นในความรู้สึกว่า​เป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ทุกคนต้องการความรู้สึกที่เป็นสุข ไม่มีใครต้องการความรู้สึกเป็นทุกข์ ฉะนั้น ไม่ว่า​จะมีทางใดที่จะให้เกิดสุขเวทนา​ หรือโสมนัสเวทนา ก็ย่อมจะพยายามขวนขวายให้เกิดความรู้สึกนั้น โดยไม่รู้ว่า​ขณะนั้นเป็นการติด เป็นความพอใจยึดมั่นในความรู้สึก ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป เมื่อความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนยึดถือ พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงแสดงเวทนา​เจตสิก ๑ ดวง เป็นเวทนา​ขันธ์ เพราะเป็นสภาพธรรมซึ่งเป็นที่ยึดมั่นว่า​เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล อย่างสำคัญชนิดหนึ่ง การที่สติจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ที่เกิดขึ้นปรากฏนั้น จะต้องอาศัยการศึกษา การฟังเรื่องของสภาพธรรมให้ละเอียดยิ่งขึ้น และพิจารณาพิสูจน์สภาพธรรมที่มีจริงนั้นในชีวิตประจำวันด้วย


โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕

ขอเชิญอ่าน หรือดาวน์โหลดหนังสือ ...

ปรมัตถธรรมสังเขป

ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...

ความจริงแห่งชีวิต

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ และ คุณแม่ และ สรรพสัตว์



ความคิดเห็น 1    โดย pornpaon  วันที่ 30 ส.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย Jarunee.A  วันที่ 2 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ