อยากทราบเรื่องทําทาน ช่วยตอบทีครับ
โดย kob1983  31 พ.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 8757

ผมอยากทราบเวลาเราให้ทาน ทํากุศลต่างๆ ควรจะจิตไวยังไงครับ เพื่อให้มีผล

มากมีอานิสงค์มากครับ ขอบคุณมากนะครับ



ความคิดเห็น 1    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 1 มิ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น การทำกุศลประการต่างๆ เช่น การให้ ให้เพื่ออนุเคราะห์หรือบูชาคุณของบุคคล นั้น โดยไม่ได้หวังอะไรเป็นการขัดเกลากิเลส ควรทราบตามความเป็นจริงว่ากุศลในการให้ทานจะมีผลมาก เพราะ จิตผ่องใส ประกอบด้วยโสมนัส และปัญญา ขณะก่อนให้ กำลังให้ หลังให้ รวมทั้งคุณธรรมของผู้รับและของที่ได้มาโดยชอบธรรม เป็นต้น ดังนั้น ขณะที่หวังผล จิตผ่องใสหรือไม่เพราะเป็นโลภะ ดังนั้น การให้จึงเป็นไปเพื่อการละ แม้ความหวังในผล เพราะเมื่อทำเหตุแล้วผลย่อมมี และแม้จะทำทานมากเท่าไรก็ตาม แต่ไม่เข้าใจหนทางการดับกิเลส ก็ยังต้องอยู่ในสังสารวัฏฏ์ แม้จะไปเกิดในภพภูมิที่ดี ได้สมบัติมากมายแต่ก็ไม่พ้นไปจากอบายภูมิ ดังนั้น การสะสมความเข้าใจในพระธรรม (ปัญญา) จึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น กุศลประการต่างๆ ก็เจริญมากขึ้นและเป็นไปในแนวทางที่ถูก หวังหรือไม่หวังเหตุก็ย่อมสมควรแก่ผล เป็นเรื่องละ ไม่ใช่เรื่องได้ แม้ผลของกุศล ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย study  วันที่ 2 มิ.ย. 2551

ขอเชิญคลิกอ่านที่กระทู้

ทานจักมีผลมาก รุ่งเรืองมาก แผ่ไพศาลมาก

ทานกับศีลอย่างไหนมีผลบุญมากกว่ากัน


ความคิดเห็น 3    โดย ตุลา  วันที่ 2 มิ.ย. 2551

จิตผ่องใส ประกอบด้วยโสมนัส และปัญญาในขณะก่อนให้ กำลังให้ หลังให้รวมทั้งคุณธรรมของผู้รับ และของที่ได้มาโดยชอบ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย เจริญในธรรม  วันที่ 2 มิ.ย. 2551

ศึกษาพระธรรมอย่างสม่ำเสมอและเข้าใจครับ แล้วจะเห็นความเป็นจริงของสภาพธรรมทั้งปวง ว่าเป็นเรื่องที่ควรละครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย prakaimuk.k  วันที่ 2 มิ.ย. 2551

ขออนุญาตนำข้อความจากปกิณกธรรมของบ้านธัมมะมาตอบค่ะ.....

การให้ทานกับการทำบุญมีอานิสงส์เท่ากันหรือไม่ ถ้าไม่เท่ากันเพราะเหตุใด

บุญ คือกุศลที่ชำระจิตให้สะอาด ด้วยการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจ ทานจึงเป็นบุญประเภทหนึ่ง บุญหรือบุญญกิริยามีหลายอย่าง อานิสงส์ของการให้ทานขึ้นอยู่กับสภาพของจิต การที่กุศลใดจะมีอานิสงส์มากหรือน้อยกว่ากัน ก็ขึ้นกับสภาพจิตที่ผ่องใสปราศจากอกุศล ในขณะที่ทำบุญกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น กุศลจิตเกิดโดยตลอดหรือมีอกุศลจิตเกิดคั่น ถ้ามีอกุศลจิตเกิดคั่น ก็เป็นกุศลที่ไม่มีกำลัง อานิสงส์ก็ต้องน้อยกว่ากุศลซึ่งไม่มีอกุศลคั่น เช่น ช่วยเหลือบุคคลอื่นให้สะดวกสบาย ก็เป็นกุศล แต่ถ้าหวังสิ่งตอบแทน ลาภ ยศ สรรเสริญก็เป็นอกุศล


ความคิดเห็น 6    โดย suwit02  วันที่ 2 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 7    โดย orawan.c  วันที่ 3 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ และขอเรียนถามว่าในการให้ทานนั้นต้องคำนึงถึงผู้รับว่าเป็นผู้มีศีลหรือเป็นผู้ทุศีลหรือไม่ ต้องคำนึงถึงประโยชน์หรือโทษในทานนั้นหรือไม่ ยังสับสนอยู่เลยค่ะ เรียนผู้รู้กรุณาเกื้อกูลด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย wannee.s  วันที่ 3 มิ.ย. 2551

การให้ทานจะมีผลมากขึ้นอยู่กับผู้ให้มีศีล วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้รับทานมีศีล แล้วประกอบด้วยเจตนาตั้งใจให้ กำลังให้จิตเป็นกุศล หลังจากให้แล้วจิตผ่องใส ทานจึงมีผลมากมีอานิสงส์มากค่ะ การให้ทานต้องคำนึงถึงผู้รับ เช่น ถ้าเป็นพระภิกษุไม่ควรใส่บาตรด้วยเงิน เพราะทำให้ท่านอาบัติ แต่ส่วนมากทำไปด้วยความไม่รู้ คนใส่ได้บุญ คนรับได้บาปค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย baramees  วันที่ 3 มิ.ย. 2551

มีศรัทธาที่ใดให้ที่นั่น ให้พิจารณาว่าสิ่งใดมีโทษมีประโยชน์กับผู้รับ ให้เพื่ออนุเคราะห์ ให้เพื่อบูชาคุณ เป็นผู้ตรงว่ากุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล ไม่ว่าจะให้กับใคร


ความคิดเห็น 10    โดย suwit02  วันที่ 4 มิ.ย. 2551
สาธุ