พระสัมมสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร?_สนทนาธรรมไทย-ฮินดี Varanasi.India.
[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 454 - 455
๕. สัตติสตสูตร
ว่าด้วยการตรัสรู้อริยสัจ ๔
[๑๗๑๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีอายุร้อยปี พึงกล่าวอย่างนี้กะผู้มีชีวิตอยู่ร้อยปีว่า มาเถิด บุรุษผู้เจริญ ชนทั้งหลายจักเอาหอกร้อยเล่มทิ่มแทงท่าน ในเวลาเช้า ... ในเวลาเที่ยง ... ในเวลาเย็น ท่านนั้นถูกเขาเอาหอกสามร้อยเล่มทิ่มแทงอยู่ทุกวันๆ มีอายุร้อยปี มีชีวิตอยู่ร้อยปี จักตรัสรู้อริยสัจ ๔ ที่ยังไม่ได้ตรัสรู้โดยล่วงร้อยปีไป กุลบุตรผู้เป็นไปในอำนาจแห่งประโยชน์ควรจะรับเอา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสงสารนี้มีเบื้องต้นที่สุดอันบุคคลไปตามอยู่รู้ไม่ได้แล้ว เบื้องต้นที่สุดแห่งการประหารด้วยหอก ดาบ หลาว และขวานย่อมไม่ปรากฏ ฉันใด ก็ข้อนี้พึงมีได้ฉันนั้นว่า ก็เราไม่กล่าวการตรัสรู้อริยสัจ ๔ พร้อมด้วยทุกข์ โทมนัส แต่เรากล่าวการตรัสรู้อริยสัจ ๔ พร้อมด้วยสุข โสมนัส อริยสัจ ๔ เป็นไฉน คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
จบสัตติสตสูตรที่ ๕
อรรถกถาสัตติสตสูตร
พึงทราบอธิบายในสัตติสตสูตรที่ ๕.
คำว่า เอวญฺเจตํ ภิกฺขเว อสฺส ความว่า ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเหตุนี้พึงมีอย่างนี้ไซร้ เมื่อทุกขโทมนัสนั่นเทียวกระทบอยู่ไม่ขาดระยะ ก็จะพึงบรรลุสัจจะนั้นพร้อมกันทีเดียว.
จบอรรถกถาสัตติสตสูตรที่ ๕
ชาวอินเดีย: เราได้ยินว่า พระพุทธองค์ตรัสรู้สิ่งที่มีจริง แต่สิ่งที่มีจริงนั่นคืออะไร รู้อะไร?
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีจริงไหม?
ชาวอินเดีย: มีครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีอะไร?
ชาวอินเดีย: ยังไม่รู้ครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้ เห็น ไหม?
ชาวอินเดีย: เห็นครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้ เห็น มีจริงไหม?
ชาวอินเดีย: มีจริง
ท่านอาจารย์: ถ้า เห็น ไม่เกิด มีเห็นไหม?
ชาวอินเดีย: ถ้าไม่เกิด ไม่มี
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ใครทำให้เกิด?
ชาวอินเดีย: ไม่ทราบครับ
ท่านอาจารย์: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เห็น ได้ยิน ทุกอย่างในชีวิตมีเหตุให้เกิด จึงเกิดได้ ถ้าเข้าใจแม้เพียงเล็กน้อย ก็รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงที่กำลังเห็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ว่า มีเห็น เมื่อเห็นเกิด เห็นได้ยินอะไรหรือเปล่า?
ชาวอินเดีย: ไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: เห็นเป็นธรรมหนึ่ง ได้ยินเป็นธรรมหนึ่ง เพราะ ธรรม คือสิ่งที่มีจริงๆ มีลักษณะแสดงให้รู้ว่า สิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่อย่างอื่น
ก่อนเห็น ไม่มีเห็น เห็นเกิดเห็นแล้วดับ เห็นดับแล้วมีอะไรเกิดต่อหรือเปล่า?
ชาวอินเดีย: ไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดต่อหรือเปล่า
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้ได้ยินไหม?
ชาวอินเดีย: ได้ยิน
ท่านอาจารย์: ถ้า เห็น ไม่ดับ ได้ยินเกิดได้ไหม?
ชาวอินเดีย: เวลานี้เหมือน ๒ อย่างเกิดพร้อมกัน
ท่านอาจารย์: แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่มีจริงเปลี่ยนไม่ได้ เห็นจะเป็นได้ยินไม่ได้ นี่คือมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
๔๕ พรรษา พระองค์ทรงแสดง ความจริงที่มีจริง ทุกวันทุกขณะ เริ่มฟังเริ่มไตร่ตรอง เริ่มรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้เข้าใจ ความจริง ของสิ่งที่มีจริงๆ โดยประการทั้งปวงจึงทรงตรัสรู้ถึงที่สุด
เพราะฉะนั้น เริ่มต้นด้วยการฟัง คำ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น คำ ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ทรงแสดงธรรม
เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ก่อนเห็น ไม่มีเห็น เห็นเกิดแล้วดับ และเป็นปัจจัยให้ธรรมอื่นเกิดต่อ เช่นได้ยิน ขณะที่ได้ยินไม่มีเห็น เห็นดับก่อนแล้วได้ยิน แล้วได้ยินก็ดับ สัพเพ สังขารา อนิจจา
ขอเชิญอ่านได้ที่ ...
ว่าด้วยธรรมคัมภีรภาพ
พระธรรมที่ทรงแสดงไม่ใช่โดยคาดคะเน แต่โดยการตรัสรู้
ขอเชิญฟังได้ที่ ...
ทั้ง ๓ ปิฎก ไม่พ้นสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เกิดมาหลงวนในโลกของนิมิต
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ และกราบยินดีในกุศลของคุณสุคิน ผู้ถ่ายทอดคำท่านอาจารย์เป็นภาษาฮินดีค่ะ