[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 389
๑๓. กัปปสูตรที่ ๒
ว่าด้วยการรู้การเห็น เป็นเหตุปราศจากอหังการ มมังการ และมานานุสัย
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 27]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 389
๑๓. กัปปสูตรที่ ๒
ว่าด้วยการรู้การเห็น เป็นเหตุปราศจากอหังการ มมังการ และมานานุสัย
[๓๑๙] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระกัปปะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไรหนอแล มนัสจึงจะปราศจากอหังการ มมังการ และมานานุสัยในกายที่มีใจครองนี้และในสรรพนิมิตภายนอก ก้าวล่วงมานะด้วยดี สงบระงับ พ้นวิเศษแล้ว?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนกัปปะ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในก็ดี ภายนอกก็ดี หยาบก็ดี ละเอียดก็ดี เลวก็ดี ประณีตก็ดี มีอยู่ในที่ไกลก็ดี ในที่ใกล้ก็ดี อริยสาวกเห็นสิ่งทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญา
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 390
อันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเราอย่างนี้แล้ว จึงหลุดพ้นเพราะไม่ถือมั่น ดูก่อนกัปปะ เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล มนัสจึงปราศจากอหังการ มมังการ และมานานุสัยในกายที่มีใจครองนี้และในสรรพนิมิตภายนอก ก้าวล่วงมานะด้วยดี สงบระงับ พ้นวิเศษแล้ว.
จบ กัปปสูตรที่ ๒
จบ ธรรมกถิกวรรค
อรรถกถากัปปสูตรที่ ๒
กัปปสูตรที่ ๒ (มีเนื้อความ) เหมือนกับราหุโลวาทสูตรนั่นแล.
จบ อรรถกถากัปปสูตรที่ ๒ จบ อรรถกถาธรรมกถิกวรรคที่ ๒
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้คือ
๑. อวิชชาสูตร ๒. วิชชาสูตร ๓. ธรรมกถิกสูตรที่ ๑ ๔. ธรรมกถิกสูตรที่ ๒ ๕. พันธนสูตร ๖. ปริมุจจิตสูตรที่ ๑ ๗. ปริมุจจิตสูตรที่ ๒ ๘. สังโยชนสูตร ๙. อุปาทานสูตร ๑๐. สีลสูตร ๑๑. สุตวาสูตร ๑๒. กัปปสูตรที่ ๑ ๑๓. กัปปสูตรที่ ๒