นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๗ คือ
วชิราสูตร
... จาก ...
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่ ๑๐๘
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ หน้าที่ ๑๐๘
๑๐. วชิราสูตร
(ว่าด้วยมารรบกวนวชิราภิกษุณี)
[๕๕๒] ข้าพเจ้า ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหาร เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้น เวลาเช้า วชิราภิกษุณี นุ่งห่มแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังกรุงสาวัตถี เที่ยวบิณฑบาตไปในกรุงสาวัตถีแล้ว กลับจากบิณฑบาตแล้ว เวลาปัจฉาภัตร เข้าไปยังป่าอันธวัน เพื่อพักกลางวัน ครั้นถึงป่าอันธวันแล้ว จึงนั่งพักกลางวันที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
[๕๕๓] ลำดับนั้น มารผู้มีบาป ใคร่จะให้วชิรา-ภิกษุณีเกิดความกลัว ความหวาดเสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อนจากสมาธิ จึงเข้าไปหาวชิราภิกษุณีถึงที่นั่งพัก ครั้นแล้วได้กล่าวกะวชิราภิกษุณี ด้วยคาถาว่า
สัตว์นี้ ใครสร้าง ผู้สร้างสัตว์อยู่ ที่ไหน สัตว์บังเกิดในที่ไหน สัตว์ดับไป ในที่ไหน.
[๕๕๔] ลำดับนั้น วชิราภิกษุณีได้มีความคิดว่า นี่ใครหนอกล่าวคาถา จะเป็นมนุษย์หรือเป็นอมมุษย์. ทันใดนั้น วชิราภิกษุณี ได้มีความคิดว่า นี่คือมารผู้มีบาป ใคร่จะให้เรา เกิดความกลัว ความหวาดเสียว ความขนพองสยองเกล้า และใคร่จะให้เคลื่อน จากสมาธิ จึงกล่าวคาถา.
ครั้นวชิราภิกษุณี ทราบว่า นี่คือมารผู้มีบาป แล้ว จึงได้กล่าวกะมาร ผู้มีบาป ด้วยคาถาว่า
ดูกร มาร เพราะเหตุไรหนอ ความ เห็นของท่านจึงหวนกลับมาว่า สัตว์, ใน กองสังขารล้วนนี้ ย่อมไม่ได้นามว่า สัตว์ เหมือนอย่างว่า เพราะประกอบด้วยส่วน ประกอบทั้งหลายเข้า การเรียกว่า รถ ย่อมมี ฉันใด เมื่อขันธ์ทั้งหลาย ยังมีอยู่ การสมมติ ว่า สัตว์ ย่อมมี ฉันนั้น ความจริง ทุกข์ เท่านั้น ย่อมเกิด ทุกข์เท่านั้น ย่อมตั้งอยู่และ เสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ.
ลำดับนั้น มารผู้มีบาป เป็นทุกข์ เสียใจ ว่า วชิราภิกษุณี รู้จักเรา ดังนี้ จึงได้ อันตรธาน (หายไป) ไปในที่นั้นเอง.
จบวชิราสูตร
อรรถกถาวชิราสูตร
ในวชิราสูตรที่ ๑๐ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า นยิธ สตฺตุปลพฺภติ ความว่า ในกองสังขารล้วนนี้ ว่าโดยปรมัตถ์ จะได้แก่สัตว์ก็หาไม่
บทว่า ขนฺเธสุ สนฺเตสุ ความว่า เมื่อขันธ์ ๕ ยังมีอยู่ ท่านกำหนดเอาด้วยอาการนั้นๆ
บท สมฺมติ คือ เป็นเพียงสมัญญา ว่า สัตว์เท่านั้น
บทว่า ทุกฺขํ ได้แก่ ทุกข์ คือ ขันธ์ ๕
บทว่า นาญฺญตฺร ทุกฺขา ความว่า นอกจากทุกข์ สภาวะอย่างอื่น ไม่มีเกิด ไม่มีดับ.
จบอรรถกถาวชิราสูตรที่ ๑๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
วชิราสูตร
(ว่าด้วยมารรบกวนวชิราภิกษุณี)
เมื่อครั้งที่พระวชิราภิกษุณี นั่งพักผ่อนที่ป่าอันธวัน มารผู้มีบาปต้องการให้ท่านเกิด ความกลัว จึงเข้าไปหาแล้วกล่าวคาถาว่า สัตว์นี้ ใครสร้าง ผู้สร้างสัตว์อยู่ที่ไหน สัตว์บังเกิดในที่ไหน สัตว์ดับไปในที่ไหน
พระวชิราภิกษุณี พิจารณาว่าผู้นี้เป็นมนุษย์หรือไม่ใช่มนุษย์ พอทราบว่าเป็น มารผู้มีบาปซึ่งต้องการให้ตนเองเกิดความกลัว จึงได้กล่าวตอบว่า เพราะเหตุใด จึงสำคัญว่ามีสัตว์ ในธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เพราะสัตว์ไม่มี, เพราะประกอบ ด้วยส่วนประกอบ ต่างๆ เข้า จึงเรียกว่า รถ ฉันใด เมื่อมีขันธ์ทั้งหลาย จึงมีการสมมติว่า เป็นสัตว์ ก็ฉันนั้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิด มีแต่ทุกข์ เท่านั้น ที่ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีอะไรอื่นอีกที่เกิดดับ.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ถ้าไม่มีขันธ์เกิดขึ้น ทุกข์สุขก็ไม่มี ทำไมต้องศึกษาทุกข์ การเห็นครั้งหนึ่งๆ ประกอบด้วยกี่ขันธ์ค่ะ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ถ้าไม่มีตัณหา จะมีทุกข์ไหม
เมื่อใดหมดตัณหา ก็หมดทุกข์
ขออนุโมทนาค่ะ
เมื่อผู้ที่พร่ำบอกว่า การได้ศึกษาพระธรรมมากขึ้น เจริญปัญญามากขึ้น เข้าใจและประจักษณ์ลักษณะรูปนาม ความไม่เที่ยงและไม่มีอะไรที่เป็นของมั่นคงถาวร จักสงบจากกิเลส ปล่อยวางภาระที่เคยแบก ให้เบาได้บ้างลง
จึงมีหนทางเดียวคือต้องเจริญปัญญาด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมต่อไป เพื่อการหมดภาระ อย่างแท้จริง
กราบขอบคุณและอนุโมทนาในการสนทนาพระสูตร พระอภิธรรม ที่มีคุณค่ามากค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...