ธรรมคือโอสถ
โดย แล้วเจอกัน  8 พ.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 3665

จาก การสนทนาเรื่องปฏิบัติธรรม
อาทิตย์ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐

ผู้ฟัง ท่าน อ. ครับ คือ เมื่อวานนี้คุยเกี่ยวกับพระสูตรเรื่อง โทสะ (ปฐมอาฆาตวินยสูตร) สงสัยว่าทำไมถึงกล่าวว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ไม่เข้าใจความหมาย อยากให้อาจารย์อธิบายด้วยครับ

อ. ก่อนฟังธรรมรู้จักโลกไหมคะ

ผู้ฟัง. รู้จักโลกคือโลกกลมๆ ใบนี้ มีสัตว์มนุษย์

อ. ถ้าทุกคนมีโทสะหมด โลกเป็นยังไงคะ

ผู้ฟัง เดือดร้อนวุ่นวาย

อ. ถ้าทุกคนไม่มีโทสะ โลกเป็นยังไงคะ

ผู้ฟัง ก็สงบร่มเย็น ขอบพระคุณท่าน อ. มากครับ

ผู้ฟัง กราบท่าน อ. และวิทยากร มีคำกล่าว่า ธรรมโอสถ คำว่าโอสถ หมายถึงยา คือธรรมเป็นยาได้อย่างไร

อ. มีทุกข์ไหมคะ

ผู้ฟัง มีค่ะ

อ. และจะหายไปได้อย่างไร ต้องรักษาหรือเปล่า

ผู้ฟัง ก็ต้องมียา

อ. แล้วจะเอายาอะไรมารักษา

ผู้ฟัง ทางใจก็ต้องธรรมเนี่ยค่ะ

อ. ทางใจก็ต้องธัมมะ

ผู้ฟัง ท่าน อ. คะ พูดถึงธัมมะ เป็นยานะค่ะ แล้วจะเป็นยาได้เมื่อไหร่คะ

อ. หมายความว่าต้องรับประทานหรือไงคะ

ผู้ฟัง คือก็หมายความว่า พอฟังว่าเป็นธัมมะ เป็นยา เราก็เริ่มที่จะคล้ายๆ กับแสวงหายารักษาโรค ซึ่งจริงๆ โรคคือ กิเลส ก็ไม่ใช่เรื่องที่รักษากันง่ายๆ

อ. ก่อนอื่นก็ต้องทราบว่ากำลังเป็นโรคหรือเปล่า หรือว่าหายโรคแล้ว

ผู้ฟัง มีโรคเยอะค่ะ

อ. เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มียาที่จะรักษาโรค โรคก็จะเป็นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ถ้าได้ฟังธัมมะและก็มีความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น ขณะนั้น โรคที่ว่ามีเยอะๆ เดี๋ยวนี้ ก็จะค่อยๆ ลดลงไป

ผู้ฟัง แต่ท่าน อ. คะ บางคนเนี่ย โรคมันหลบอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่ามีโรคหรอก

อ. ค่ะ เพราะฉะนั้น ต้องฟังให้รู้ตัว ที่จริงการฟังธัมมะ คงลืม เพื่อรู้สภาพธัมมะที่เคยยึดถือว่าเป็นเรา เวลาที่เราคิดถึงใครก็ตาม ส่วนใหญ่จะเห็นความไม่ดีของคนอื่น ลองคิดถึงใครสักคน และก็ลองคิดดูว่า วันนี้เราคิดถึงเขา คิดถึงอะไร คิดถึงความดีหรือความไม่ดีของเขา



ความคิดเห็น 2    โดย อิสระ  วันที่ 9 พ.ค. 2550

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย จิต89หรือ121  วันที่ 9 พ.ค. 2550

วันนี้เราคิดถึงเขา คิดถึงอะไร คิดถึงความดีหรือความไม่ดีของเขา จริงๆ ครับ ฟังข่าว การบ้านการเมือง ก็ทำให้คิดถึงความไม่ดีของผู้อื่น โดยลืมมองความไม่ดีของตัวเอง


ความคิดเห็น 4    โดย wannee.s  วันที่ 9 พ.ค. 2550

โรคที่เกิดจากกิเลส สามารถรักษาให้หายได้ด้วยธรรมโอสถค่ะ ในอดีตมีพระราชาป่วย เพราะท้าวสักกะปลอมมาเป็นมาณพ แล้วบอกว่าจะให้พระราชาไปยึดทั้ง ๓ เมือง แต่พระราชาไม่ได้ถามเมืองนั้นอยู่ที่ไหน ไม่ได้ถามชื่อ-ที่อยู่ของเขา และตามหาเขาไม่เจอ ก็เลยป่วยเพราะตัณหา พระโพธิสัตว์ ก็เลยแสดงธรรมให้พระราชาฟังว่าพระองค์เสวยพระกระยาหารในภาชนะทั้งสี่ บรรทมเหนือพระที่ทั้งสี ทรงเครื่องประดับทั้งสี่พร้อมกันคราวเดียวไม่ได้ พระองค์ไม่ควรตกอยู่ในอำนาจตัณหา เพราะตัณหานี้เมื่อเจริญขึ้น ย่อมไม่ปล่อยให้พ้นจากอบายทั้งสี่ไปได้ ฯลฯ

ภายหลังพระราชาหายป่วยค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย ท้องฟ้า  วันที่ 10 พ.ค. 2550

บ่อยๆ ครั้ง ที่เราพบว่าผู้ที่เป็นโรคปรากฏทางกายออกมา เกิดเนื่องจากจิตใจ ได้รับการรักษาทางกายแล้ว แต่จิตใจของผู้ที่เป็นโรคนั้นไม่เข้มแข็งพอ หรือบางคนไม่ยอมรับการเจ็บป่วยทางด้านจิตใจของตนเอง

อยากเรียนให้ทราบว่าร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กันอย่างมากๆ งานบางอย่างถ้าใจไม่สู้ แล้วก็เกิดอุปสรรค งานไม่บรรลุตามที่เราตั้งใจไว้ ทำให้เกิดความทุกข์ แต่บางคนด้วยใจรักงาน มีใจที่จะทำงานส่งผลให้เกิดความคิด หาแนวทางที่จะกระทำ สุดท้ายพบว่างานได้ผล คนเกิดความสุข

ดังนั้น คิดว่าอยู่ที่คนจะปรับกระบวนการคิด หรือไม่ ถ้าได้มีการปรับกระบวนการคิด แล้วนำมาใช้ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีๆ ที่เกิดกับผู้นั้น ธรรมะ เป็นสิ่งที่ดีๆ

ขอสนับสนุนหัวข้อกระทู้ที่ผู้ได้ตั้งกระทู้และแสดงความคิดเห็นมา

ขอบคุณ


ความคิดเห็น 6    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 10 พ.ค. 2550

ดังนั้นคิดว่าอยู่ที่คนจะปรับกระบวนการคิด หรือไม่ ถ้าได้มีการปรับกระบวนการคิด แล้วนำมาใช้ ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีๆ ที่เกิดกับผู้นั้น ?

ในทางธรรมซึ่งเป็นสัจจะความจริง ทุกอย่างเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ต้องอาศัยเหตุปัจจัย ยกตัวอย่าง เช่น ความโกรธ บังคับไม่ให้เกิดไม่ได้ และต้องมีเหตุปัจจัยเกิดคือ มีเชื้อของกิเลสอยู่ (โทสะ) กระทบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ก็เป็นเหตุให้เกิดความโกรธได้ แม้ความคิดมิใช่มีตัวตนจะปรับได้ ถ้าปรับได้ทุกคนก็อยากที่จะคิดดีอยากที่จะไม่โกรธ แต่ไม่เป็นไปอย่างนั้น เพราะบังคับไม่ได้ ไม่มีเหตุปัจจัยที่จะคิดดีคือ มีปัญญาน้อยนั่นเอง

ดังนั้น การจะปรับความคิดในสิ่งที่ดีก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัย คือฟังธรรมที่ถูกต้องครับ เมื่อฟังธรรมที่ถูกต้องแล้วธรรมก็จะทำหน้าที่ปรับเอง ไม่มีใครไปปรับ ไม่มีใครนำไปใช้่ แต่ธรรมฝ่ายดี (กุศล) ก็เกิดขึ้นเพราะอาศัยการฟังธรรมจนเข้าใจ ดังนั้น เราต้องมีความรู้พื้นฐานที่ถูกต้องเสียก่อนอันเกิดมาจากการฟังธัมมะว่า ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ บุคคล แต่มีธรรม จิต เจตสิก รูป จึงบังคับไม่ได้ ต้องมีเหตุปัจจัยครับ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีใครปรับ แต่ธรรมปรับด้วยการฟังพระธรรม ถ้ายังไม่มีปัญญาแล้วจะปรับอย่างไรก็ไม่ได้ครับ ลองปรับดู คิดว่าจะไม่ให้โกรธครับ?

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย


ความคิดเห็น 7    โดย devout  วันที่ 13 พ.ค. 2550

โรคทางกายเห็นง่าย แต่โรคทางใจมักไม่เห็น อวิชชานี่แหละที่ทำให้ไม่เห็นว่าเป็นโรค


ความคิดเห็น 8    โดย พุทธรักษา  วันที่ 17 มิ.ย. 2550

แล้วโรคที่เกิดจากกรรมละคะ เช่น โรคประสาท โรคจิต ที่ต้องทานยาไปตลอดชีวิต ธรรมโอสถรักษาได้ไหมคะ?


ความคิดเห็น 9    โดย wannee.s  วันที่ 17 มิ.ย. 2550

ขณะที่กุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นวิปลาส คนที่มีอกุศลจิตมากๆ ก็ทำให้ฟุ้งซ่านเป็นบ้า ถ้าฟังธรรมเข้าใจและสติปัฏฐานเกิดขณะนั้นไม่วิปลาสค่ะ

ในพระไตรปิฏกนางปฏาจาราสูญเสียสามี ลูก 2 คน พ่อ แม่ ตายทั้งหมดในวันเดียวกัน นางเสียใจจนเป็นบ้า นางได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็หายเป็นบ้า และสุดท้ายนางก็ได้บวชบรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 17 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ธรรมรักษาได้ ก็มีหลายระดับ รักษาให้เข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยรู้ความจริง ให้รู้ขึ้นรักษาให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม ในระดับสติปัฏฐานเกิด รักษาให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม รักษากิเลสบางตัวดับหมด จนไม่ต้องเกิดในอบายภูมิ (พระโสดาบัน) รักษาไม่ให้มีกิเลสอีก และก็ไม่ต้องเกิดอีกครับ ดังนั้น เมื่อเราเพิ่งเริ่มอบรมปัญญา การฟังธรรมจนเข้าใจขั้นการฟัง ก็เริ่มอบรมความเห็นถูก รักษาให้มีความเห็นถูกมากขึ้น ว่าทุกอย่างเป็นธรรม แม้จะยังไม่ประจักษ์ แต่ต้องเริ่มต้นจากจุดนี้ จนถึงวันนั้น ธรรมรักษาจนไม่มีกิเลส ไม่ต้องเกิดอีก ก็ไม่ต้องเป็นโรคต่างๆ อีกแล้วเพราะไม่ต้องเกิดอีกครับ เอาใจช่วยนะ ฟังต่อไปครับ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 11    โดย พุทธรักษา  วันที่ 18 มิ.ย. 2550
อนุโมทนา

ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 26 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ