ทุกบารมีเกื้อกูลต่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
โดย เมตตา  25 มิ.ย. 2554
หัวข้อหมายเลข 18609

การอบรมเจริญสติปัฏฐานเป็นหนทางเดียวที่จะถึงการบรรลุอริยสัจจธรรม แต่คน สมัยนี้มุ่งแต่จะเจริญสติปัฏฐานโดยขาดความเข้าใจในหนทางจริงๆ ว่า สติปัฏฐานนั้น ไม่ใช่เกิดได้ด้วยความเป็นตัวตนที่จะไประลึกสภาพธรรม เพราะนั่นไม่ใช่กุศล แต่เป็นอกุศลเป็นความต้องการของตนเอง ในชีวิตประจำวันนั้นอกุศลเกิดมากกว่ากุศลมาก แค่ตื่นลืมตาขึ้นมาก็ติดข้องในรูปแล้ว แม้แต่ทานการให้ บางครั้งก็ยังไม่อาจสละได้ จะเห็นได้ว่าในวันหนึ่งๆ นั้นกุศลเกิดน้อยมาก และยิ่งเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาก็ ยิ่งเกิดยากเพราะปัจจัยที่ทำให้กุศลที่ประกอบด้วยปัญญายังน้อยมาก

ผู้ที่อบรมเจริญ สติปัฏฐานจึงควรตระหนักว่า จะมุ่งแต่อบรมเจริญสติปัฏฐานได้อย่างไร? ขั้นสติปัฏ- ฐานเป็นกุศลที่ประกอบด้วยความเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่ง ในชีวิตประจำวันเกิดน้อยมากหรือไม่เกิดขึ้นเลย จึงต้องอาศัยบารมีทั้ง ๑๐ บารมีคือ คุณความดีที่จะกั้นอกุศล เพราะฉะนั้นทุกๆ บารมีจึงเป็นบริวารของปัญญาซึ่งก็ต้อง เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ มีความจริงใจ ตั้งใจมั่น อดทนที่จะเข้าใจความจริง ซึ่งก็คือ ขันติบารมี อธิษฐานบารมี สัจจบารมี

ในชีวิตประจำวันมีความเป็นเพื่อน มีการสละสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น กุศลที่ค่อยๆ อบ รมให้มีขึ้น เพื่อกุศลจะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจริญขึ้นแทนอกุศล และไม่ควรประมาทอกุศลเพียงเล็กน้อย ความตระหนี่แม้เล็กน้อยยังไม่ยอมสละสื่งของเพื่อผู้อื่น แล้วจะสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร

เพราะฉะนั้น ไม่ควรคิดแต่อบรมเจริญ สติปัฏฐานเพียงอย่างเดียว โดยไม่อบรมเจริญบารมี ๑๐

ขออนุโมทนาค่ะ ...



ความคิดเห็น 1    โดย nong  วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย aurasa  วันที่ 25 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ เป็นสิ่งที่ควรพิจารณายิ่ง ท่านอจ.สุจินต์ ก็ได้ให้ข้อคิด ความเห็นเช่นนี้มาโดยสม่ำเสมอ ย้ำบ่อยๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ที่นำมาบอกย้ำให้เข้าใจ อย่างมั่นคงขึ้นอีก และขออนุญาตนำข้อความ จากคุณเมตตา เผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ในเฟซบุค อีกครั้งค่ะ

ความคิดเห็น 3    โดย ผิน  วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย paderm  วันที่ 25 มิ.ย. 2554

จึงต้องอาศัยบารมีทั้ง ๑๐ บารมีคือ คุณความดีที่จะกั้นอกุศล เพราะฉะนั้นทุกๆ บารมีจึงเป็นบริวารของปัญญาซึ่งก็ต้อง เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ มีความจริงใจ ตั้งใจมั่น อดทนที่จะเข้าใจความจริง ซึ่งก็คือ ขันติบารมี อธิษฐานบารมี สัจจบารมี

ในชีวิต ประจำวันมีความเป็นเพื่อน มีการสละสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น กุศลที่ค่อยๆ อบ รมให้มีขึ้น เพื่อกุศลจะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจริญขึ้นแทนอกุศล และไม่ควรประมาทอกุศลเพียงเล็กน้อย ความตระหนี่แม้เล็กน้อยยังไม่ยอมสละสื่งของเพื่อผู้อื่น แล้วจะสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ไม่ควรคิดแต่อบรมเจริญ สติปัฏฐานเพียงอย่างเดียว โดยไม่อบรมเจริญบารมี ๑๐

ชัดเจนครับพี่เมตตา ขอบพระคุณที่ทำให้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นครับ


ความคิดเห็น 5    โดย khampan.a  วันที่ 25 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพีเมตตาด้วยครับ


ความคิดเห็น 6    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 25 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 7    โดย wirat.k  วันที่ 26 มิ.ย. 2554

... ชีวิตประจำวัน มีความเป็นเพื่อน มีการสละสิ่งของเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น กุศลที่ค่อยๆ อบรมให้มีขึ้น เพื่อกุศลจะได้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เจริญขึ้นแทนอกุศล และไม่ควรประมาทอกุศลเพียงเล็กน้อย ความตระหนี่แม้เล็กน้อย ยังไม่ยอมสละสื่งของเพื่อผู้อื่น แล้วจะสละการยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นตัวตนได้อย่างไร

... ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย Sam  วันที่ 26 มิ.ย. 2554

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย wannee.s  วันที่ 28 มิ.ย. 2554

ถ้าไม่เจริญกุศลทุกอย่าง หวังเพียงเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย พรรณี  วันที่ 29 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ