ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...ว่าด้วยความเจริญ ๑๐ ประการ [วัฑฒิสูตร]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 235 อรรถกถาวัฑฒิสูตรที่ ๔
วัฑฒิสูตรที่ ๔ พึง ทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อริยาย ได้แก่ มิใช่ของปุถุชน. คำนี้ตรัสไว้ ก็เพราะคละกับด้วยธรรม
ทั้งหลายมีศีลเป็นต้น. บทว่า สาราทายี จ โหติ วราทายี ความว่า ย่อม
เป็นผู้ยึดไว้ได้ซึ่งสาระและส่วนประเสริฐ. อธิบายว่า ย่อมยึดไว้ซึ่งสาระของ
กาย และส่วนประเสริฐของกายนั้น.
จบอรรถกถาวัฑฒิสูตรที่ ๔
......................................................
บุคคลใดในโลกนี้
ย่อมเจริญด้วยทรัพย์
ข้าวเปลือก
บุตร
ภรรยา
และสัตว์ ๔ เท้า
บุคคลนั้น
ย่อมเป็นผู้มีโชค มียศ เป็นผู้อันญาติมิตร แลพระราชาบูชาแล้ว นี่เป็นความเจริญทางโลกคือ เป็นผู้มีทรัพย์ศฤงคาร
อุดมสมบูรณ์ด้วยเลือกสวนไร่นา มียศ มีญาติมิตรข้าทาส บริวารพร้อมทั้งยานพาหนะเพียบพร้อมที่ท่านเรียกว่า เป็นความเจริญอันประเสริฐคือสี่งที่ประเสริฐ
แห่งกาย เราเรียกว่าความเจริญทางโลกบุคคลใดในโลกนี้
ย่อมเจริญด้วยศรัทธา
ศีล
สุตะ
จาคะ
และปัญญา
บุคคลเช่นนั้น เป็นสัปบุรุษ คำว่า สัปปุรุษมีความหมายถึงพระอริยบุคคลด้วย
และเป็นผู้ถือเอาสี่งที่เป็นสาระนี้เป็นการเจริญทางธรรม
ปัญญาเครื่องพิจารณา ย่อมเจริญด้วยความเจริญ
ทั้งสองประการในปัจจุบัน.สองประการคือ เป็นผู้ถือเอาสี่งที่เป็นสาระ (ทางธรรม) สิ่งที่ประเสริฐแห่งกาย (ทางโลก) คือเป็นผู้ที่เจริญอันประเสริฐทั้งทางโลกและทางธรรม
ความเข้าใจพระธรรมทำให้โสภณธรรมเจริญงอกงาม ...อนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
บุคคลที่เจริญทางโลก ก็แค่ประโยชน์ชาตินี้ชาติเดียว แต่บุคคลที่เจริญทางธรรมประเสริฐที่สุดทั้งโลกนี้ และโลกหน้าค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ