ขณะที่เคารพบูชาพระคุณ มีเมตตาจิตเกิดมั้ยครับ
เช่น ขณะให้ทาน มีจิตเคารพบูชาในคุณของทานและผู้ขาดแคลน
ขณะที่ไหว้พระพุทธรูป มีจิตเคารพบูชาในพระมหากรุณาคุณและพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า มีเมตตาจิตเกิดร่วมด้วยมั้ยครับ
ควรทราบว่าเมตตาจิตมีด้วยกันทาง ๓ ทวาร คือ
๑. เมตตากายกรรมทั้งต่อหน้าและลับหลัง ด้วยการแสดงความเคารพ ช่วยเหลือกิจตามสมควร
๒. เมตตาวจีกรรมทั้งต่อหน้าและลับหลัง ด้วยคำพูดไพเราะอ่อนหวาน ไม่ดูหมิ่น
๓. เมตตามโนกรรมทั้งต่อหน้าและลับหลัง มองดูด้วยจิตเมตตา คิดถึงด้วยความหวังดี ความปรารถนาดีต่อท่าน
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เมตตาคือความหวังดี ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ขณะทีคิดจะให้ผู้อื่นมีความสุขโดยการให้ ขณะนั้นก็มีการน้อมนำประโยชน์เข้าไปให้ นั่นก็เป็นความเมตตาที่แสดงออกมาทางกาย การพูดวาจาด้วยความหวังดี ปรารถนาให้บุคคลอื่นมีความสุขก็เป็นเมตตาที่แสดงออกมาทางวาจา และการคิดปรารถนาดีกับบุคคลอื่นให้ผู้อื่นมีความสุขก็เป็นเมตตาเช่นกันครับ
ส่วนในกรณีของการระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้านั้น เป็นกุศลจิตที่ไม่ใช่เมตตาแต่เป็นพุทธานุสสติคือ การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ครับ
ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นกุศลประการใด ผู้มีปัญญาจึงเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญทุกๆ ประการครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขึ้นอยู่กับแต่ละขณะจิตครับ แต่ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด แม้จิตเป็นกุศล ก็ยากที่จะรู้ว่าเป็นเมตตาไม่ใช่อกุศล ซึ่งศัตรูใกล้ของเมตตาก็คือ โลภะ ที่จะรู้ได้จริงๆ ว่าเป็นเมตตาไม่ใช่โลภะ ก็ต่อเมื่อสติสัมปชัญญะเกิด ระลึกรู้ถึงขณะที่สภาพธรรมปรากฏให้ระลึกได้ครับ กุศล อกุศลเกิดสลับกันได้เร็วมาก การกระทำที่เป็นกุศลนั้น ไม่อาจจะบอกได้ว่าเป็นเมตตาจิตโดยตลอด โดยไม่มีอกุศลเกิดคั่นเลย ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด
การรู้ว่าเป็นเมตตาหรือไม่ หากพิจารณาเผินๆ เหมือนรู้ได้ไม่ยาก แต่รู้ว่าเป็นเมตตาจริงๆ ได้ ขณะนั้นต้องมีสติสัมปชัญญะ ไม่เช่นนั้นอาจเข้าใจผิดว่าโลภะคือเมตตา
ขออนุโมทนาคะ
ขออนุโมทนาครับ