* ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและดับไป ก็จะไม่มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต เลย แต่เพราะมีธรรมคือสิ่งที่มีจริงแต่ละอย่าง ที่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปในแต่ละขณะอย่างรวดเร็วสืบต่อกันไป จึงมีอดีต ปัจจุบัน อนาคต
* ปัจจุบันคือขณะที่สภาพธรรมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อล่วงขณะที่สภาพธรรมนั้นดับไปแล้ว ก็เป็นอดีต และตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัยให้สภาพธรรมในขณะต่อไปเกิด ก็เป็นอนาคต
* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า "ขันธ์" คือสภาพธรรมที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย เป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ได้แก่ รูป (สภาพที่ไม่รู้อะไรเลย เช่น สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ) เวทนา (ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ) สัญญา (สภาพที่จำสิ่งที่ปรากฏ) สังขาร (สภาพที่ปรุงแต่งจิต เช่น เจตนา วิริยะ โลภะ โทสะ โมหะ ศรัทธา ปัญญา) และวิญญาณ (สภาพรู้ที่เป็นใหญ่เป็นประธานคือจิต เช่น เห็น ได้ยิน)
* อวิชชาคือความไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งสะสมมาในแต่ละภพชาติที่ผ่านมาในอดีต เป็นปัจจัยให้มีปัจจุบัน และปัจจุบันที่มีอวิชชาที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นปัจจัยให้มีอนาคต ซึ่งทั้งหมดก็คือขันธ์ที่เกิดดับเป็นไปอย่างไม่จบสิ้น ตราบเท่าที่ยังมีอวิชชา
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ