ขอคำอธิบาย คำว่า สังขารนิมิต ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในพระไตรปิฎก ปฏิสัมภิทามรรค แสดงถึง สังขารนิมิต นิมิตของสภาพธรรมไว้น่าพิจารณาครับว่า พระโยคาวจร คือผู้ที่อบรมปัญญา พิจารณาเห็นสังขารนิมิตว่ามีภัย คือสภาพธรรมในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป มีภัย เป็นต้น ส่วนพระนิพพาน ชื่อว่า สภาพธรรมที่ไม่มีนิมิต คือไม่มีลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้และดับไป ดังนั้น นิมิตอีกนัยหนึ่ง ย่อมหมายถึง สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นนิมิตให้รู้ มีลักษณะให้รู้ หากไม่มีนิมิต ไม่มีลักษณะให้รู้ ปัญญาที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน วิปัสสนาญาณ ก็ไม่สามารถรู้ได้ เพราะไม่มีนิมิตลักษณะให้รู้ แต่เมื่อรู้โดยความเป็นนิมิตของสภาพธรรม ย่อมเห็นว่าเกิดขึ้นและดับไป นิมิตนั้นหาสาระไม่ได้เลย จึงเจริญอบรมปัญญา ออกจากนิมิต คือ ประจักษ์พระนิพพาน ออกจากนิมิตที่เป็นสังขารนิมิต ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ครับ
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ หน้าที่ ๗๐๔
อาทีนวญาณนิทเทส
[๑๑๕] ปัญญาในความปรากฏเป็นของน่ากลัว เป็นอาทีนวญาณอย่างไร ปัญญาในความปรากฏโดยความเป็นภัยว่า ความเกิดขึ้นเป็นภัยความเป็นไปเป็นภัย สังขารนิมิตเป็นภัย ฯลฯ
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ หน้าที่ ๘๔๙ พระโยคาวจรพิจารณาเห็นสังขารนิมิตโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีสังขารนิมิต ถูกต้องแล้วซึ่งสังขารนิมิตด้วยญาณ ย่อมพิจารณาเห็นความเสื่อมไป วิหารธรรมนั้นชื่อว่า อนิมิตวิหาร
[เล่มที่ 68] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ หน้าที่ ๘๕๒
[๒๐๗] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นรูปนิมิตโดยความเป็นภัย มีจิตน้อมไปในนิพพานอันไม่มีนิมิต ถูกต้องแล้วๆ ย่อมเห็นความเสื่อม
ไป เพิกเฉยความเป็นไปแล้ว คำนึงถึงนิพพานอันเป็นที่ดับ ไม่มีนิมิตแล้วย่อมเข้าสมาบัติ นี้ชื่อว่า อนิมิตวิหาร
[๒๐๘] พระโยคาวจรพิจารณาเห็นเวทนานิมิต ฯลฯ สัญญานิมิต สังขารนิมิต วิญญาณนิมิต จักษุ ฯลฯ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
ขอความเข้าใจสังขารนิมิตด้วยค่ะ
นิมิต [ทุติยโพธิสูตร]
เชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ได้มี่นี่ ครับ
สังขารนิมิต
ขออนุโมทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่พ้นไปจากการแสดงให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ทั้งที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม หรือ ขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ที่มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมก็เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ เกิดขึ้นจริงๆ ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เมื่อได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับแล้ว จะเห็นได้ ถ้าไม่มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็จะไม่มีอะไรเลย ดังนั้น ที่แสดงรูปนิมิต เวทนานิมิต สัญญานิมิต สังขารนิมิต (นิมิตของสังขารขันธ์) และวิญญาณนิมิต (โดยประมวลแล้วก็เป็น สังขารนิมิต) ก็คือความเกิดขึ้นเป็นไปเกิดดับสืบต่อของสภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรมในขณะนี้ ซึ่งจะต้องค่อยสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
สังขารนิมิต
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ