ผมได้ยินมาว่าพระโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว จะไม่เกิดเป็นเพศหญิงอีกไม่ว่าจะเป็น คนหรือสัตว์ เทพ ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ครับ ขอท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ จักอนุโมทนายิ่งครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า โพธิสัตว์ หมายถึง สัตว์ แปลว่า ผู้ข้อง โพธิ คือ การตรัสรู้ โพธิสัตว์ ความหมาย คือ ผู้ที่ข้องอยู่ เพื่อการตรัสรู้
พระโพธิสัตว์มี ๒ ประเภทคือ
๑. นิยตพระโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ย่อมเที่ยงแท้ว่าจักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เช่น สุเมธดาบส
๒. อนิยตพระโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่เคย ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เลยว่าจะได้เป็นพระพุทธแจ้า เพียงแต่มีความตั้งใจที่จะสร้างบารมีด้วยการคิดอยู่ในใจ และการเปล่งวาจา ซึ่งใช้เวลาหลายอสงไขย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ครับ
ซึ่งพระโพธิสัตว์ที่เป็นอนิยตโพธิสัตว์ ยังสามารถเกิดเป็นผู้หญิงได้เป็นธรรมดา เพราะยังไม่เที่ยงแท้ที่จะตรัสรู้ในอนาคตและยังไม่ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ครับ
ส่วน นิยตโพธิสัตว์ ที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระุพทธเจ้าองค์ก่อนแล้วว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เที่ยงแท้จะตรัสรู้ในอนาคต จะไม่เกิดเป็นผู้หญิงอีกเลย เกิดเป็นผู้ชายเท่านั้นครับ ซึ่งนัยนี้ มุ่งหมายถึง การเกิดเป็นมนุษย์ที่จะไม่เกิดเป็นผู้หญิงครับ และถ้าเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กมาก เกิดเป็นเทวดา ก็ไม่เกิดในภูมิที่เป็นอรูปพหรม และ รูปพรหมที่มีแต่รูปอย่างเดียว พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์แล้ว จะไม่เกิดในภพภูมินั้นครับ
ดังข้อความในพระไตรปิฎก ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 691
พระนิยตโพธิสัตว์ ถึงพร้อมด้วยองค์ครบถ้วนอย่างนี้ แม้ท่องเที่ยวไปตลอดกาลยาวนานนับร้อยโกฏิกัปป์ ก็ไม่เกิดในอเวจี และในโลกันตริกนรกไม่เกิดเป็นนิชฌามตัณหิกเปรต ขุปปิปาสิกเปรต กาฬกัญชิกาสูร แม้เข้าถึงทุคติ ก็ไม่เป็นสัตว์ขนาดเล็ก เมื่อเกิดในหมู่มนุษย์ ก็ไม่เป็นคนตาบอดแต่กำเนิด โสตก็ไม่วิกลบกพร่อง ไม่เป็นคนประเภทใบ้ ไม่เป็นสตรี ไม่เป็นคนสองเพศ และไม่เป็นบัณเฑาะก์. พระนิยตโพธิสัตว์ ไม่เป็นผู้นับเนื่องดังกล่าว พ้นจากอนันตริยกรรม มีโคจรบริสุทธิ์ในภพทั้งปวงไม่เสพมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นว่ากรรมเป็นอันทำมีผล แม้อยู่ในสวรรค์ทั้งหลาย ก็ไม่เข้าถึงอสัญญีภพ ทั้งไม่มีเหตุที่ไปเกิดในเทพชั้นสุทธาวาส เป็นผู้น้อมไปในเนกขัมมะ เป็นสัตบุรุษ ไม่เกาะเกี่ยวในภพใหญ่น้อย บำเพ็ญแต่โลกัตถจริยาทั้งหลาย บำเพ็ญบารมีทั้งปวง.
-ขออนุโมทนาครับ ท่านช่วยไขข้อสงสัยผมแล้วครับ
ขอขอบพระคุณมากครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ดี หรือ เป็นพระอริยสาวกผู้ตรัสรู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเ้จ้าก็ดี ล้วนจะต้องเป็นผู้ได้สะสมอบรมเจริญบารมีประการต่างๆ มาแล้วตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก มาแล้วทั้งนั้น เมื่อบารมีทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาถึงความบริบูรณ์ ก็ทำให้ท่านเหล่านั้นได้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามสมควรแก่ฐานะของตนๆ จากที่เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในการที่จะได้ตรัสรู้ (พระโพธิสัตว์) ในที่สุด ก็สามารถตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริงได้
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีมาเป็นเวลาที่นานมาก เมื่อครั้งที่ยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อพระบารมีถึงความสมบูรณ์พร้อมก็ทำให้พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงอุบัติขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง ด้วยการทรงแสดงพระธรรม ประกาศความจริงให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง เป็นผู้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง พระบารมีทั้งหมดที่ได้ทรงบำเพ็ญมาก็เพื่อจะได้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้วทรงแสดงให้ผู้อื่นได้รู้ตาม ครับ
..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การที่จะได้เป็นพระุพุทธเจ้า มี ๘ ข้อ
๑. เกิดเป็นมนุษย์
๒. เป็นผู้ชาย
๓. บำเพ็ญกุศลถึงพร้อมที่จะได้เป็นพระอรหันต์
๔. ได้พบกับพระพุทธเจ้า และ ได้รับคำพยากรณ์
๕. บวชเป็นพระภิกษุ หรือ เป็นฤาษี
๖. ได้ฌานสมาบัติ
๗. กระทำกุศลอันยิ่งใหญ่
๘. มีความพอใจที่จะเป็นพระพุำทธเจ้า ค่ะ
การที่สภาพธรรมใดจะเกิดให้ผลได้ ย่อมมีเหตุอันสมควรแล้ว ดังนั้น การที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องมีเหตุเกื้อกูลให้มีการสะสมบารมี อบรมเจริญปัญญาได้เจริญยิ่งๆ ขึ้น จนถึงความเป็นพระพุทธเจ้า ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ