เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
อายตนะมีกำหนดรอบหรือไม่ครับ หรือว่าอายตนะหนึ่งคือ 1 วาระของวิถีจิต ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ในความละเอียดด้วยครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็จะต้องเข้าใจก่อนครับว่า อายตนะ ซึ่งคำว่า อายตนะ หมายถึง ที่ต่อ บ่อเกิด ที่ประชุม เหตุ อายตนะภายใน ๖ และ อายตนะภายนอก ๖ มีดังนี้
อายตนะภายใน ๖ และ อายตนะภายนอก ๖
๑. จักขวายตนะ (จักขปสาทรูป)
๒. รูปายตนะ (รูปสี)
๓. โสตายตนะ (โสตปสาทรูป)
๔. สัททายตนะ (รูปเสียง)
๕. ฆานายตนะ (ฆานปสาทรูป)
๖. คันธายนะ (รูปกลิ่น)
๗. ชิวหายตนะ (ชิวหาปสาทรูป)
๘. รสายตนะ (รูปรส)
๙. กายายตนะ (กายปสาทรูป)
๑๐. โผฏฐัพพายตนะ (ดิน ไฟ ลม)
๑๑. มนายตนะ (จิต ๘๙)
๑๒. ธัมมายตนะ (สุขุมรูป ๑๖ เจตสิก ๕๒ นิพพาน)
เช่น ขณะเห็น ก็มี จักขายตนะ (จักขปสาทรูป) ที่เป็นที่เกิดของจิตเห็น และมี รูปายตนะ (รูปสี) ที่เป็นอารมณ์ของจิตเห็น ขอยกข้อความคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ในเรื่องนี้ดังนี้ ครับ
ความหมายของอายตนะ
ชุมพร อยากเข้าใจคำว่า “อายตนะ” ค่ะ ตามที่เข้าใจก็คือ อายตนะ เป็นที่ประชุมรวมกันของ ๓ อย่าง ทีนี้การที่จะเข้าใจอรรถของคำว่า “อายตนะ” เราควรเข้าใจอย่างไรคะ
สุ. ก็หมายความว่า เป็นที่ต่อ ที่ประชุม หรือเป็นบ่อเกิด
ชุมพร ในด้านของสติปัฏฐาน จะเข้าใจอายตนะอย่างไรคะ
สุ. ขณะนี้มีจิตซึ่งเป็นธาตุรู้ แต่ขณะนี้กำลังเห็น ถูกไหมคะ ที่เห็นนี่เป็นจิตชนิดหนึ่ง ถ้าไม่มีจักขุปสาท เห็นได้ไหม
ชุมพร ไม่ได้ค่ะ
สุ. ถ้าไม่มีรูปารมณ์กระทบ เห็นได้ไหม
ชุมพร ไม่ได้
สุ. แล้วเห็นเมื่อไรคะ
ชุมพร เห็นเมื่อมี ๓ อย่างประชุมกัน
สุ. เห็น เมื่อมีจักขุปสาท ที่ยังไม่ดับ และรูปารมณ์ ที่กระทบยังไม่ดับ นี่คือความหมายของอายตนะ
ชุมพร ที่ไปอ่าน ในสติปัฏฐานสูตร มีอายตนบรรพ คนที่เข้าใจ คำว่า “อายตนะ” จะต้องเข้าใจ หรือ สติปัฏฐานเกิด ขณะที่จักขุวิญญาณปรากฏ อย่างนั้นใช่ไหม
สุ. ถ้ายังไม่รู้ลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม จะเข้าใจอายตนะได้ไหมคะ
ชุมพร ไม่ได้ค่ะ
สุ. ก็เพียงแต่จำชื่อ
ดังนั้น ใน วิถีจิตเดียว มีจิตเกิดขึ้นหลายประเภท เพราะฉะนั้น จึงมีหลายอายตนะในวิถีจิตเดียวซึ่งจะต้องกล่าวเป็นจิตแต่ละประเภทที่เกิดขึ้นในวาระจิตเดียว เช่น มี จักขวายนะ บ้าง มี มนายตนะบ้าง มีธัมมายตนะ ในวิถีจิตเดียว ครับ
สำคัญที่ความเข้าใจตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะกล่าวถึงคำใด ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ แม้จะได้ยินคำว่า อายตนะ ก็ไม่พ้นไปจากขณะนี้ เพราะแต่ละขณะที่จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ แต่ละขณะๆ นั้น มีสภาพธรรม ประชุมกันอยู่ มีอยู่ ณ ขณะนั้นมากทีเดียว ยกตัวอย่าง ขณะที่เห็นขณะเดียว ขณะนั้นมีจิตเห็นเกิดขึ้น มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย มีที่เกิดของจิตเห็น และมีสีปรากฏ เป็นอารมณ์ของจิตเห็น ซึ่งแต่ละอย่างๆ ก็เป็นแต่ละอายตนะ แต่ละอายตนะ ล้วนเป็นสภาพธรรมที่มีจริง
ประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจธรรมะ ที่กำลังมี กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ให้มีชื่อ หรือ มีพยัญชนะมาเป็นเครื่องกั้น ขอเพียงเข้าใจในคำนั้นๆ ให้ชัดเจน ไม่สับสน และที่สำคัญ ไม่ขาดการฟังพระธรรมในชีวิตประจำวัน จะฟังมากฟังน้อย ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ทั้งนั้น เพราะประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย ปัญญาเจริญขึ้น มั่นคงในความเป็นจริงของธรรมเพิ่มขึ้น ก็ย่อมจะเป็นเหตุ ให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนั้นได้ ซึ่งสภาพธรรมที่กําลังมี กำลังปรากฏในขณะนั้น ก็ไม่พ้นไปจากความเป็นอายตนะ แต่ละอายตนะ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิถีจิต คือ จิตที่่เกิดขึ้นโดยอาศัยทวารหนึ่งทวารใดในการรู้อารมณ์ กล่าวคืออาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ตามควรแก่ทวารนั้นๆ ซึ่งะจะต้องมีจิตและเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วยในขณะนั้น เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่
ส่วน วาระ หมายถึง วิถีจิตนั้นที่เกิดขึ้นโดยอาศัยทวารเดียวกัน ในการรู้แจ้งอารมณ์ และรู้อารมณ์เดียวกันด้วย เช่น วีถีจิตที่เกิดขึ้นทางตา ก็ต้องอาศัยตาเป็นทวาร และ รู้อารมณ์เดียวกัน คือ รู้สี ทั้งหมด
ดังนั้น ถ้ากล่าวถึงอายตนะ ในขณะที่วิถีจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีความเข้าใจว่า ขณะที่จิตเกิดขึ้น ต้องมีสภาพธรรมที่มีจริงๆ ที่ประชุมพร้อมกัน คือ ยังไม่ดับไป กล่าวคือ จิต เจตสิก รูปที่เป็นที่เกิด และอารมณ์ ก็เป็นการกล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อยจริงๆ เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกว่า แต่ละหนึ่งเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
อายตนะ เป็นที่ประชุม ให้เกิดสภาพ ทั้งทางตา ถึง ใจ
เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
ทำไมโวฏฐพนจิตจึงเป็นมนายตนะ และในขณะโวฏฐพนวิถีมีอะไรเป็นธัมมายตนะครับ? ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เพราะจิตทุกประเภทเป็นมนายตนะ โวฎฐัพพนจิต เป็นมโนทวาราวัชชนจิตที่ทำโวฏฐัพพนกิจทางปัญจทวาร ขณะที่โวฏฐัพพนจิตเกิดขึ้นมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยนั่นแหละเป็นธัมมายตนะ ทั้งหมดเป็นธรรมะที่มีจริงในขณะนี้ แต่ยากที่จะเข้าใจ และเข้าถึงว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณค่ะ
ลึกซึ้ง จักฟังแล้วฟังอีก จนเข้าใจถูก น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ