...คำตอบของชีวิต ๒๓ _ การตั้งจิตไว้ชอบ [๓]
โดย chaiyut  6 พ.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 5413

การตั้งจิตไว้ชอบ (๓)

เราควรตั้งจิตไว้ชอบ คือ ทำความดีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นโดยแท้ ไม่หวังแม้คำชมหรือคำสรรเสริญ เพื่อเป็นการเจริญกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เราควรทำบุญแม้เพียงนิดหน่อยก็ไม่ควรละเลย เพื่อขัดเกลาจิตตนเองเพื่อลดความตระหนี่ ความเห็นแก่ได้ของตนลง เราควรมีเมตตาแบ่งปันสิ่งต่างๆ ให้เพื่อนฝูงหรือญาติมิตรเพื่อให้เขาได้รับประโยชน์ ไม่ใช่เพราะหวังประโยชน์ตอบแทน เราควรมีความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ เพราะจิตที่อ่อนน้อมเป็นสภาพจิตที่ดีงาม ไม่ใช่อ่อนน้อมเพราะหวังประจบ การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน (ลาภ ยศ สรรเสริญ) เป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะขณะที่ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นเป็นขณะที่กุศลจิตมีกำลัง กุศลกรรมในขณะนั้นทำให้อกุศลกรรมระงับไป ดังนั้น ทุกคนควรหมั่นพิจารณาจิตของตน ว่าในแต่ละวันจิตเป็นอกุศลหรือกุศลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นการเจริญกุศลอย่างยิ่งประการหนึ่ง อีกทั้งเป็นการสะสมเหตุแห่งความสุขความเจริญทั้งในชาติปัจจุบันและชาติต่อๆ ไป

ทุกคนมีความรักตัวเองอย่างเหนียวแน่น จึงรักสุข (สุขเวทนา) เกลียดทุกข์ (ทุกขเวทนา) กันทั้งนั้น ทำกุศลก็เพื่อตนเองจะได้รับผลของกุศล เช่นทำบุญเพราะหวังจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ ทำอกุศลก็เพื่อให้ตนเองได้รับสุขในชาตินี้ เช่น บางคนพูดเท็จใส่ร้ายคนอื่นเพื่อให้ตนเองได้ดี บางคนประกอบอาชีพทุจริต เช่น ลักขโมย ขายยาเสพย์ติด บางคนมีอาชีพที่ดูจะสุจริตแต่ประพฤติทุจริต เช่น คอรัปชั่นในวงการต่างๆ เพราะความเห็นแก่ตัว รักตนเองทั้งสิ้น อยากให้ตนเองร่ำรวย อยากให้ตนเองเป็นใหญ่เป็นโต มีคนนับหน้าถือตา อยากให้ตนเองเป็นที่ยกย่องสรรเสริญว่าร่ำรวยมีวาสนาบารมี มียศฐาบรรดาศักดิ์กว่าผู้อื่น ความอยาก (โลภะ) ของมนุษย์มีมากมายไม่รู้จบ มีคำกล่าวว่า ภูเขาทอง ๒ ลูก ก็ยังไม่พอแก่โลภะ ยังอยากได้มากขึ้นไปอีก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ เมื่อถึงคราวเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลาย ต่างคนต่างภาวนาขอให้ได้รับเลือกตั้ง แม้ได้รับเลือกเป็นลำดับสุดท้ายก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย พอได้รับเลือกตั้งเป็น สส. เข้าจริง ก็ภาวนาขอให้ได้ตำแหน่งใหญ่โต เป็นรัฐมนตรีสักกระทรวงหนึ่ง กระทรวงไหนก็ได้เอาทั้งนั้น พอได้เป็นสมใจหวังก็คิด (โลภะ) อีกว่า น่าจะได้เป็นเจ้ากระทรวงที่มีอำนาจมากๆ หน่อยก็จะดีจะได้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล เมื่อได้เป็นรัฐมนตรีไปสักระยะหนึ่ง ก็ใฝ่ฝันอยากเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก พอได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็อยากเป็นต่อไปเรื่อยๆ ให้นานที่สุด

การที่ผู้ใดจะได้ลาภ ได้ยศ ไม่ได้เกิดจากความอยาก ทุกคนย่อมปรารถนาอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนและผู้ที่ตนรักใคร่ผูกพัน แต่จะมีสักกี่คนที่สมหวัง กรรมดีที่ได้กระทำไว้ดีแล้วเท่านั้นเป็นเหตุให้ได้รับสิ่งต่างๆ ที่ดี ที่น่าปรารถนา เพราะเหตุนั้นย่อมสมควรแก่ผลเสมอ กล่าวคือ เมื่อทำเหตุมาดีย่อมได้รับผลที่ดี เมื่อทำเหตุไว้ไม่ดีหรือดีไม่พอ จะหวังหรืออยากอย่างไรก็ไร้ผล สังคมคงจะสงบร่มเย็นขึ้นถ้าทุกคนรู้จักคำว่า “พอ” แต่มนุษย์ปุถุชนใครเลยจะละกิเลสได้ เพราะคำว่า ปุถุชน แปลว่า ผู้หนาแน่นด้วยกิเลส ในเมื่อยังละกิเลสไม่ได้ เราควรที่จะศึกษาพระธรรม เพื่อรู้จักลักษณะของกิเลสต่างๆ จะได้หมั่นคอยสำรวจจิตตนเองเมื่อกิเลสเกิดขึ้น จะทำให้รู้จักตนเองตามที่เป็นจริงว่ามีกิเลสมากแค่ไหน เมื่อใดมีปัญญามากขึ้น เห็นโทษภัยของกิเลสอย่างแท้จริง ปัญญานั่นเองจะทำหน้าที่ละกิเลส การรู้จักกิเลสของตนเองมีประโยชน์กว่าคอยจ้องจับผิดกิเลสของผู้อื่น เพราะจะเป็นเหตุให้สำรวมกายวาจา ใจ ของตนให้เรียบร้อยดีงาม มีความประพฤติหรือแสดงออกที่ดีเป็นกุศลกรรมต่อไป

ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...

กรรมคำตอบของชีวิต

อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่



ความคิดเห็น 1    โดย พุทธรักษา  วันที่ 9 พ.ย. 2550

ศึกษาพระธรรม.........เพื่อการละ (กิเลสตน) เท่านั้น.

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย Komsan  วันที่ 10 พ.ย. 2550
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 6 ต.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ