ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๐ * *
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปาฏิหาริย์ ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนแล้วคิดต่างๆ นานา เห็นผิด ทำผิดต่างๆ แต่ถ้าได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เป็นผู้ตรงเท่านั้นที่จะทำให้พ้นจากความเห็นผิดได้ คำจริงของพระองค์เท่านั้น ที่จะทำให้คนอื่นพ้นจากความเห็นผิดได้ด้วยความเข้าใจของเขาเอง เพราะฉะนั้น การที่เราจะให้ใครพ้นจากความเห็นผิด ไม่ใช่ไปบอกเขาไม่ใช่ไปชวนเขา แต่ให้เขาได้ฟังคำ (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ให้เขาไตร่ตรองเอง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจของเขาเอง เขานั่นแหละจะช่วยตนเองให้พ้นจากความเห็นผิดได้ เพราะเหตุว่า เข้าใจคำที่ได้ฟัง
~ เป็นการยากที่จะได้ถึงความเป็นผู้ที่มั่นคงในพระธรรม เพราะว่า พระธรรม ไม่ง่ายเลย ยิ่งได้ฟังได้เข้าใจ ก็ยิ่งเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง จนมีความประสงค์ที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ว่าเขาจะรักหรือเขาจะชัง ก็ไม่หวั่นไหว เพราะเหตุว่า เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อจะให้คนรักหรือคนชัง แต่ว่า ทำเพื่อประโยชน์จริงๆ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมแล้วๆ เล่าๆ ถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ จนกว่าผู้นั้นจะเกิดปัญญา ทรงมีพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวงสิ้นเชิง เพื่อเขาจะเข้าใจ เมื่อเขาเข้าใจแล้วเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดโปร่งจากการหลงผิด
~ ความจริงแล้ว ผู้ที่จากไป (ตาย) ก็คือ ผู้ที่เกิดก่อนคนอื่นนั่นเอง เพราะว่าเมื่อตายแล้ว ต้องเกิด เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้หนึ่งขณะเองที่ทำกิจเคลื่อนพ้นความเป็นบุคคลนี้ เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ คือ จะเป็นบุคคลนี้ต่อไปอีกไม่ได้เลย เป็นธรรมดา
~ ใครกำลังจะตายบ้าง? ลองคิด ทุกคนหรือเปล่า? ตายเดี๋ยวนี้ก็ได้จริงไหม? เพราะฉะนั้น ทุกคนก็กำลังจะตาย จนกว่าจะถึงขณะซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แม้ความตายก็ต้องเป็นในขณะนั้นที่มีปัจจัยถึงพร้อมที่จะพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ จะเป็นบุคคลนี้อีกต่อไปไม่ได้เลยในสังสารวัฏฏ์
~ สิ่งที่ควรระลึกถึงบ่อยๆ คือ ความตาย ก่อนตายควรที่จะเป็นอย่างไร? นี้คือสิ่งที่สำคัญ เตรียมตัวที่จะเป็นคนใหม่หรือยัง จะเป็นคนใหม่ในชาติใหม่ก็มาจากคนนี้แหละ
~ มีเงินทองมากมาย แต่ก็เป็นทุกข์เดือดร้อนได้ จะเอาเงินไปซื้อให้ทุกข์หมดไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นปัญญาแล้ว จะไม่นำทุกข์มาให้เลยแม้แต่น้อย
~ ขณะที่อกุศลธรรมทั้งหลายเกิด ไม่สามารถทำให้เข้าใจธรรมได้ แต่ก็อย่าประมาทปัญญา เพราะว่า ขณะนี้กำลังเกิดปัญญา ท่ามกลางอกุศล อกุศลมากกว่าเยอะ แต่ปัญญาก็ยังเกิด เพราะฉะนั้น ปัญญาก็จะค่อยๆ เกิด ค่อยๆ เจริญขึ้น ไม่ใช่เราไปทำเลย เพราะฉะนั้น ขาดปัญญาไม่ได้ และปัญญาก็เกิดเองไม่ได้ นอกจากฟังพระธรรมและไตร่ตรองจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ เวลาที่ได้ข่าวว่าใครทำดี รู้สึกอย่างไร? ก็ยินดีด้วยกับความดีของผู้นั้น, ถึงเขาไม่บอกเรา แต่เรายินดีด้วยในกุศลนั้นได้ไหม? ก็ย่อมได้ กุศลจะเกิดโดยที่ไม่มีใครอุทิศให้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นอีกภพภูมิหนึ่งซึ่งเป็นญาติพี่น้องที่สิ้นชีวิตไปแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในภพภูมิไหน แต่ว่า ถ้าเขาสามารถที่จะรู้และยินดีเมื่อไหร่ กุศลจิตเกิดขึ้นกับเขา ซึ่งไม่ใช่เขาทำกุศลเอง แต่เขายินดีด้วยในกุศลที่คนอื่นทำ
~ เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มีโอกาสที่จะทำความดีทุกอย่างทุกประการที่สามารถจะกระทำได้แม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรทำ เพราะเหตุว่า ถ้าขณะนั้นไม่ใช่จิตที่ดี ก็เป็นอกุศลจิต แม้เพียงเป็นกุศลจิต นิดเดียว ต่อไปจะเห็นค่าของหนึ่งขณะที่เป็นกุศล หรือแม้แต่การฟังธรรมแล้วเข้าใจแต่ละคำ แม้คำเดียว ก็มีค่า ที่จะทำให้เข้าใจคำอื่นต่อไปๆ
~ ฟังเรื่องร้ายๆ ก็สงสาร (เห็นใจ ประสงค์ที่จะให้เขาพ้นจากความทุกข์เดือดร้อนนั้น) แล้ว มีแต่กรรมและผลของกรรมที่ปรากฏ วันหนึ่งๆ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น นั่นคือ ผลของกรรมที่ได้ทำแล้วในอดีต อย่างเช่น ถูกทรมาน ถูกเบียดเบียนประทุษร้าย เป็นต้น ถ้าเขาไม่ทำกรรมมา จะได้รับผลของกรรมอย่างนั้นหรือ? เพราะฉะนั้น สัตว์โลก ก็เป็นที่ดูกรรมและผลของกรรม แม้แต่ผู้ที่ทำกรรม ก็จะเป็นเหมือนอย่างบุคคลที่กำลังได้รับผลของกรรมนั่นแหละ
~ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดเกิดตามเหตุตามปัจจัย ถ้าเป็นสิ่งที่ดี ก็ให้ผลที่ดีถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็ให้ผลที่ไม่ดี
~ โกรธแล้ว เกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เริ่มโกรธ จนกระทั่งโกรธจัดๆ โกรธมากๆ นำมาซึ่งอะไร แล้วถูกต้องไหม ดีไหม ต้องการไหมอย่างนั้น?
~ ความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ไม่ว่าจะกับอะไรทั้งสิ้น
~ สิ่งที่ผิด ยังควรที่จะเก็บไว้ไหม?
~ วินัย ก็คือ การกำจัดสิ่งที่ไม่ดี เช่น ความไม่รู้ ออกไป ซึ่งไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย ถ้าไม่เกิดจากการเข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษาโดยรอบคอบโดยละเอียด ค่อยๆ ลบล้าง ค่อยๆ ละความเป็นเราทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะดับได้หมดไม่เหลือเลย นี่คือประโยชน์ของการฟัง มิฉะนั้นแล้ว จะฟังทำไม
~ การฟังพระธรรมมีประโยชน์มากมายมหาศาล การฟังเป็นความดี เป็นเหตุให้การฟังเจริญ เมื่อมีการฟังครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ที่เห็นประโยชน์จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ก็จะมีความอดทนมีความเพียรที่จะฟังที่จะศึกษาต่อไปอันเป็นโอกาสที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิต ผู้ที่สะสมเหตุที่ดี มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจพระธรรมมาแล้วจึงมีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ฟัง
~ ถ้าสะสมความดีมามาก ก็ย่อมจะกระทำความชั่วได้ยากเหลือเกิน ไม่สามารถจะกระทำได้อย่างง่ายๆ เพราะสะสมมาที่จะละอาย รังเกียจในสิ่งที่ไม่ดี
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาจากพระปัญญา ซึ่งรู้ว่าสัตว์โลกไม่รู้ เพราะฉะนั้น ความรู้จะไม่มีเลยถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรม เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ฟังไว้ เพื่อที่จะค่อยๆ เข้าใจจนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงได้ตามลำดับ
~ ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมเลย ก็จะต้องเป็นอย่างนี้ในสังสารวัฏฏ์ คือ ไม่รู้ความจริง เหมือนมืดสนิท หลงว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยที่ไม่มีเลย จากชาตินี้ไปก็ไม่เหลือแล้ว แต่ละชาติๆ ก็ไม่เหลืออะไรเลย
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๙
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์และกราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกขณะที่เข้าใจความจริงค่ะ สาธุๆ ๆ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนา ในกุศลจิต ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ