ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอเกิดชาตินี้ชาติเดียว
โดย สุขภาวะ  6 เม.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 11889

หากเห็นโทษของการเกิดว่า เป็นทุกข์ จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า จะไม่ขอกลับมาเกิดอีก (เคยได้ยินท่านผู้หนึ่งกล่าวไว้) ซึ่งท่านผู้นั้นก็มีปกติวิสัยช่วยเหลือสังคม เจริญเมตตาอยู่เป็นนิจ จะเชื่อได้หรือไม่ว่า เมื่อจุติจิตเกิดขึ้น ท่านผู้นั้นจะไปปฏิสนธิ ในภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์ และไม่กลับมาเกิดในภูมิมนุษย์อีกต่อไป



ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 6 เม.ย. 2552
พระพุทธองค์ทรงแสดงสังสารวัฏฏ์ คือ การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก มีทั้งหมด ๓๑ ภูมิ ผู้ที่จะไม่เกิดในภูมิใดๆ อีกเลยคือพระอรหันต์ ผู้ที่จะไม่กลับมาสู่โลกนี้อีกคือพระอนาคามีบุคคล ส่วนพระสกทาคามี พระโสดาบัน และปุถุชนทั้งหลาย ย่อมจะมีโอกาสกลับมาสู่โลกนี้อีกได้ โดยเฉพาะปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส วัฏฏะยังอีกยาวไกลการกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเป็นของธรรมดาสำหรับปุถุชน แม้ว่าจะตั้งจิตอธิษฐานอย่างไรก็ไม่พ้นไปได้เพราะยังมีกิเลสอันเป็นเหตุให้เกิดขึ้นอีก แม้ในอบายภูมิก็ยังมีโอกาสเกิดได้อีกมาก ไม่ต้องกล่าวถึงในมนุษย์ เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การขอ แต่เหตุ คืออกุศลกรรมในอดีตมีแล้ว การเกิดในอบายจึงมีได้ เหตุคือ กุศลกรรมในอดีตมี การเกิดในสุคติภูมิจึงมีได้ครับ

ความคิดเห็น 2    โดย suwit02  วันที่ 6 เม.ย. 2552

สาธุ


ความคิดเห็น 3    โดย เมตตา  วันที่ 6 เม.ย. 2552

กรรมในอดีตชาติที่ได้กระทำไว้แล้วมากมายซึ่งมีทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม ในชีวิต

ประจำวันนี้อกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศลจิตซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลกรรมมากกว่า และในอดีตอนันตชาติที่เคยได้กระทำทั้งกุศลและอกุศลกรรมไว้ ผลของกรรมที่ได้กระทำ

มาไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้เลย จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป ไม่มีใครที่จะ

รู้ว่าภพภูมิต่อไปจะไปเกิดที่ไหนขึ้นอยู่กับกรรมหนึ่งกรรมใดที่ได้กระทำไว้ในอดีตเป็น

เหตุปัจจัยให้ปฎิสนธิ เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่........

คำว่า...อโหสิกรรม


ความคิดเห็น 4    โดย พงศ์ศิริ  วันที่ 6 เม.ย. 2552

ก่อนได้ฟังพระธรรม ก็อธิษฐานอย่างนี้เหมือนกัน

ฟังพระธรรมได้ระยะหนึ่งจึงสำนึกได้ว่า ไปดวงจันทร์ง่ายกว่า

ฟังท่านอาจารย์บ่อยๆ

จึงเกิดระลึกคำหนึ่งเนืองๆ คือ เจริญกุศลทุกประการ

กุศลทุกประการก็ยังไม่แน่ใจว่าคืออย่างไร เข้าใจเอาเองว่า

1. รู้จักให้ เห็นใจผู้อื่น (เดี๋ยวนี้ซื้อสินค้าไม่ค่อยต่อรอง)

สงสารใครต่อใครมากกว่าแต่ก่อน ให้อภัยเพิ่มขึ้น

2. ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ถนอมน้ำใจคนรอบข้างมากขึ้น ทำหูทวนลมบ่อยขึ้น

3. เริ่มคิดได้ว่า ถูกโกง ถูกเอาเปรียบก็เพราะมันต้องเป็นเช่นนั้น ทุกข์ใจไป

ชีวิตก็ขาดทุน

4. ฟังธรรมเช้า เย็น ตอนนอน (ไม่ค่อยดีเพราะจะไม่ตั้งใจฟังแต่โรคนอนไม่

หลับ หายไป)

5. มีโอกาสก็ไปฟังธรรมที่ มศพ. ได้เห็นหน้าท่านอาจารย์ (ก็ยังติดท่านอาจารย์

ถอนใจไม่ขึ้น) เพื่อความชุ่มชื่นใจ

จุติจิตเกิดเมื่อไรก็ไม่กลัว (หรือเปล่าหนอ?)


ความคิดเห็น 5    โดย paderm  วันที่ 7 เม.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ธรรมทั้งหลายเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะ

ทุกอย่างเป็นธรรม การไม่เกิดอีกคือจุติจิตไม่เกิดขึ้นนั้นก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยคือ

การดับเหตุคือกิเลสจนหมดสิ้นครับ ซึ่งการดับกิเลสจนหมดสิ้นนั้นต้องเป็นหน้าที่ของ

ธรรมคือปัญญา ความอยาก ความตั้งใจมีได้ที่จะไม่เกิดอีก แต่ไม่ใช่เหตุให้ดับกิเลสได้

ดังเช่น บารมี 10 ธรรมที่ทำให้ถึงฝั่งคือการดับกิเลส ไม่เกิดอีก จึงไม่ใช่มีแค่อธิษฐาน-

บารมีเท่านั้น แต่ยังมีบารมีข้ออื่นๆ และที่สำคัญคือปัญญาบารมีเป็นหัวหน้าเป็นประธาน

ของบารมีทั้งหลายครับ สำคัญที่เหตุคือการอบรมปัญญาเข้าใจหนทางที่ถูกต้องครับ

จะอธิษฐานหรือไม่อธิษฐานจะไม่เกิดอีก หากหนทางถูกก็สามารถดับกิเลสได้ไม่เกิด

อีกต่อไปต้องอาศัยระยะเวลายาวนานครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 6    โดย nida  วันที่ 8 เม.ย. 2552

เมื่อยังไม่มีความตั้งใจมั่นคงว่าธรรมเป็นธรรมก็ยังเป็นเราเป็นตัวตนที่จะต้องเกิดต่อไป

อีกสืบต่อไปเพราะว่ายังไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง

จึงไม่เห็นทุกข์

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย wannee.s  วันที่ 8 เม.ย. 2552

อธิษฐาน คือความมั่นคงเด็ดเดี่ยวตั้งใจแน่วแน่ในเรื่องของกุศลที่เป็นไปเพื่อการสละ

กิเลส (ไม่ใช่การขอ) ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังมีออวิชชา เมื่ออวิชชาก็มีเหตุปัจจัย

ให้เวียนว่ายตายเกิด จนกว่าจะดับกิเลสบรรลุเป็นพระอรหันต์จึงจะไม่กลับมาเกิดอีกค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย orawan.c  วันที่ 9 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย Jans  วันที่ 14 เม.ย. 2552
อนุโมทนาค่ะ