ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 75-79
นันทิสูตร
ว่าด้วยผู้ไม่มีความยินดี
[๒๖] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแลได้กล่าวคาถานี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า คนมีบุตร ย่อมยินดีเพราะบุตรทั้งหลาย คนมีโค ย่อมยินดีเพราะโคทั้งหลาย เหมือนกันฉะนั้น เพราะอุปธิ เป็นความดีของคน บุคคลใดไม่มีอุปธิ บุคคลนั้นไม่มียินดีเลย
[๒๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บุคคลมีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตรทั้งหลาย บุคคลมีโค ย่อมเศร้าโศกเพราะโคทั้งหลายเหมือนกันฉะนั้นเพราะอุปธิ เป็นความเศร้าโศกของคนบุคคลใด ไม่มีอุปธิ บุคคลนั้นไม่เศร้าโศกเลย
อรรถกถานันทิสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๒ ต่อไป :-
บทว่า นนฺทติ แปลว่าย่อมยินดี คือ ย่อมมีใจเป็นของๆ ตน.
บทว่า ปุตฺติมา ได้แก่ มีบุตรมาก. จริงอยู่ บุตรบางพวกทำกสิกรรมแล้ว ย่อมยังยุ้งข้าวเปลือกให้เต็มบางพวกทำการค้าแล้ว ย่อมนำเงินและทองมาบางพวกบำรุงพระราชา (รับราชการ) ย่อมได้วัตถุทั้งหลายมียาน พาหนะ คาม นิคม เป็นต้น.มารดาหรือบิดาเมื่อเสวยสิริ อันเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุตรเหล่านั้น ย่อมยินดี.
อีกอย่างหนึ่ง มารดาหรือบิดาเห็นบุตรทั้งหลาย ผู้อันบุคคลตกแต่งประดับประดา ทำให้เกิดความยินดี เสวยอยู่ซึ่งสมบัติในวันรื่นเริง เป็นต้น ย่อมยินดี. ด้วยเหตุนั้น เทวดา หมายเอาความเป็นไปนั้นจึงกล่าวว่า นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา แปลว่าคนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตรทั้งหลาย ดังนี้
บทว่า โคหิ ตเถว ความว่า คนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตร ฉันใด แม้คนมีโค ก็ฉันนั้นคนมีโคเห็นมณฑลแห่งโค (สนามโค) สมบูรณ์แล้ว เพราะอาศัยโคทั้งหลายเสวยสมบัติ คือ เบญจโครส จึงชื่อว่า ย่อมยินดี เพราะโคทั้งหลาย
บทว่า อุปธิ ในบทว่า อุปธีหิ นรสฺส นนฺทนา นี้ ได้แก่ อุปธิ ๔ อย่าง คือ กามูปธิ (อุปธิคือกาม) ขันธูปธิ (อุปธิคือขันธ์) กิเลสูปธิ (อุปธิคือกิเลส) อภิสังขารูปธิ (อุปธิคืออภิสังขาร) จริงอยู่ แม้กามทั้งหลายพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะวจนัตถะนี้ว่า ความสุข ที่บุคคลเข้าไปตั้งไว้ ในกามคุณนี้ก็เพราะความที่กามเหล่านี้ เป็นที่อาศัยอยู่แห่งความสุขดังที่ตรัสไว้ อย่างนี้ว่าความสุข ความโสมนัส อันใด อาศัยกามคุณ ๕ เกิดขึ้นนี้ชื่อว่า ความพอใจในกามทั้งหลาย ดังนี้.
แม้ขันธ์ทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่ขันธ์เหล่านั้นเป็นที่อาศัยอยู่แห่งทุกข์ ซึ่งมีขันธ์เป็นมูล. แม้กิเลสทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่กิเลสเหล่านั้น เป็นที่อาศัยอยู่แห่งทุกข์ในอบาย.
แม้อภิสังขารทั้งหลาย ก็ตรัสเรียกว่า อุปธิ เพราะความที่อภิสังขารเหล่านั้นเป็นที่อาศัยอยู่ แห่งทุกข์ในภพ. แต่ในที่นี้ ท่านประสงค์เอา กามูปธิเพราะกามคุณ ๕ อันบุคคลบำรุงบำเรอ ด้วยอำนาจแห่งวัตถุทั้งหลาย มีการอยู่ในปราสาท ๓ ฤดู เป็นต้นมีที่นั่งที่นอนอาภรณ์เสื้อผ้าอันโอฬาร มีบริวารคอยบำเรอด้วยการฟ้อนรำเป็นต้นเป็นเหตุนำมาซึ่งปีติโสมนัส ย่อมยังนระให้ยินดีอยู่ฉะนั้นบุตรทั้งหลายและโคทั้งหลาย ฉันใดพึงทราบว่า แม้อุปธิเหล่านี้ ก็ฉันนั้น เพราะเป็นที่ยินดีของนระ
บาทแห่งคาถาว่า น หิ โส นนฺทติ โย นิรูปธิ ความว่าบุคคลใด ไม่มีอุปธิ คือ เว้นจากการถึงพร้อมด้วยกามคุณเป็นผู้ขัดสน มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มหาได้โดยยากบุคคลนั้นแล ย่อมยินดีไม่ได้ ถามว่า มนุษย์เพียงดังเปรต มนุษย์เพียงดังสัตว์นรก เห็นปานนี้ จักยินดีอย่างไร ตอบว่า ข้อนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสวิสัชนาไว้แล้ว (ในคาถาที่ ๒๗) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสดับคำ (อันเทวดากล่าว) นี้แล้ว ทรงพระดำริว่าเทวดานี้ ย่อมทำเรื่องแห่งความเศร้าโศกนั่นแหละ ให้เป็นเรื่องน่ายินดีเราจักแสดงความที่สิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องแห่งความเศร้าโศกแก่เธอ ดังนี้ เมื่อจะทำลายวาทะของเทวดานั้น ด้วยอุปมานั้นนั่นเองเหมือนบุคคลยังถ้อยคำอันเป็นเหตุผลให้ตกไปด้วยเหตุผล จึงทรงเปลี่ยนพระคาถานั้นนั่นแหละ แล้วตรัสว่า โสจติ เป็นอาทิ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โสจติ ปุตฺเตหิ ความว่า เมื่อบุตรทั้งหลายสูญหายไปก็ดี เสื่อมเสียไปก็ดีด้วยอำนาจแห่งการเดินทางไปต่างประเทศแม้มีความสงสัยในบัดนี้ว่า จักสูญเสียไปมารดาและบิดาย่อมเศร้าโศก
อนึ่ง เมื่อบุตรตายแล้วก็ดี กำลังจะตายก็ดีหรือถูกราชบุรุษหรือโจร เป็นต้นจับตัวไป หรือว่าเข้าไปสู่เงื้อมมือของข้าศึกทั้งหลายมารดาหรือบิดาเป็นผู้มีความสงสัยว่า ตายแล้วก็ดี ย่อมเศร้าโศก. เมื่อบุตรพลัดตกจากต้นไม้ หรือจากภูเขาเป็นต้นมีมือและเท้าหักก็ดี บอบช้ำก็ดี มีความสงสัยว่าแตกหักแล้วก็ดี มารดาหรือบิดาย่อมเศร้าโศก. บุคคลมีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบุตรทั้งหลาย ฉันใด แม้คนมีโคก็ฉันนั้น ย่อมเศร้าโศกเพราะโคทั้งหลาย โดยอาการ ๙ อย่าง.
บาทพระคาถาว่า อุปธี หิ นรสฺส โสจนา ความว่า เหมือนอย่างว่า บุตรและโคทั้งหลาย ฉันใด แม้ อุปธิ คือ กามคุณ ๕ ก็ฉันนั้น ย่อมยังนระให้เศร้าโศก โดยนัยที่ตรัสไว้ว่า ตสฺส เจ กามยมานสฺส ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน เต กามา ปริหายนฺติ สลุลวิทฺโธว รุปฺปติ หากว่าสัตว์นั้น มีความรักใคร่มีความพอใจเกิดแล้วกามเหล่านั้น ย่อมยังเขาให้ย่อยยับไปเหมือนบุคคลถูกลูกศรแทงแล้ว ย่อมพินาศ ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น บัณฑิตพึงทราบว่าความเศร้าโศกของนระ ก็คือเรื่องความเศร้าโศกนั่นแหละ.
บทว่า น หิ โส โสจติ โย นิรูปธิ ความว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอธิบายไว้ว่า อุปธิ ๔ เหล่านี้ ไม่มีแก่ผู้ใดผู้นั้นย่อมไม่มีอุปธิ คือ ความเศร้าโศกดูก่อนเทวดา เพราะเหตุนั้นแหละ พระมหาขีณาสพจักเศร้าโศกหรือ กำลังเศร้าโศก มีหรือ ดังนี้แล.
จบ อรรถกถานันทิสูตรที่ ๒
ขออนุโมทนาขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และ สรรพสัตว์
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น