ข้อความในอรรถกา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหานิทานสูตร กล่าวถึงปิยังกรมาตา ว่าเป็นเปรตจำพวกติเหตุกะ ได้ฟังธรรมจากพระอนุรุทธเถระแล้วบรรลุโสดาปัตติผล
จึงขอเรียนถามว่า เปรตจำพวกติเหตุกะก็มีด้วยหรือครับ? ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เปรต ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงผู้ที่เกิดในอบายภูมิ เพราะถ้าเกิดในอบายภูมิ เป็นอเหตุกสัตว์ ปฏิสนธิจิตไม่ประกอบด้วยเหตุใดๆ เลย ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แต่ มุ่งหมายถึง ผู้ที่ละจากโลกนี้ไปแล้ว (ตรงกับภาษาบาลีว่า เปต) หรือ จะมุ่งหมายถึงผู้ตกไปจากความสุข มีชีวิตเป็นไปด้วยความทุกข์ความเดือดร้อน ไม่ค่อยจะมีความสุข ซึ่งปิยังกรมาตา เกิดเป็นยักษิณี เมื่อเป็นผู้ปฏิสนธิด้วยเหตุ ๓ คือ ประกอบด้วยอโลภเหตุ อโทสเหตุ และ อโมหเหตุ คือ ปัญญา ได้ฟังพระธรรม อบรมปัญญา เหตุปัจจัยพร้อม ก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ได้ ครับ
ข้อความในพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ปิยังกรสูตร มีว่า
ปิยังกรสูตรที่ ๖
[๘๑๙] สมัยหนึ่ง ท่านพระอนุรุทธอยู่ในพระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ฯ
สมัยนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะลุกขึ้นในเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรี กล่าวบท
แห่งพระธรรมอยู่ ฯ
[๘๒๐] ครั้งนั้นแล นางยักษิณีผู้เป็นมารดาของปิยังกระปลอบบุตรน้อย
อย่างนี้ว่า
ปิยังกระ อย่าอึกทึกไป ภิกษุกำลังกล่าวบทพระธรรมอยู่
อนึ่ง เรารู้แจ้งบทพระธรรมแล้วปฏิบัติ ข้อนั้นจะพึงมีเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลแก่เรา ฯ
[๘๒๑] เราสำรวมในเหล่าสัตว์มีปราณ เราไม่กล่าวเท็จทั้งที่รู้อยู่
เราศึกษา ทำตนให้เป็นผู้มีศีลดีนั่นแหละ เราจะพ้นจาก
กำเนิดปีศาจ ฯ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบเรียน อ.คำปั่นครับ ในอรรถกา ทีฆนิกาย มหาวรรค มหานิทานสูตร มีข้อความว่า
"บทว่า เอกจฺเจ จ วินิปาติกา ความว่า เวมานิกเปรตมีอาทิอย่างนี้ว่า ยักษิณีชื่ออุตตรมาตา ปิยังกรมาตา ปุสสมิตตา ธรรมคุตตา ผู้จมอยู่ในอบาย ๔ ก็กายของเปรตเหล่านั้นมีต่างๆ กัน ด้วยสามารถสีมีสีเหลือง สีขาว สีดำ สีทอง สีคร่ำเป็นต้น และด้วยสามารถความผอม ความอ้วน สูงและต่ำ. แม้สัญญาก็มีด้วยสามารถทวิเหตุกะ ติเหตุกะ และอเหตุกะ เหมือนของมนุษย์ทั้งหลาย. ก็เปรตเหล่านั้นไม่มีศักดิ์ใหญ่เหมือนเทวดา มีศักดิ์น้อยเหมือนคนกำพร้า ของกิน เสื้อผ้าหาได้ยาก ถูกทุกข์บีบคั้นอยู่. บางพวกได้รับทุกข์ในข้างแรมได้รับสุขในข้างขึ้น เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า วินิปาติกะ เพราะความเป็นผู้ตกไปจากการสะสมความสุข.
ก็ในเปรตเหล่านี้ แม้การตรัสรู้ธรรมก็ย่อมมีได้แก่เปรตจำพวกติเหตุกะ. ก็ยักษิณีชื่อปิยังกรมาตาได้สดับพระอนุรุทธเถระผู้สาธยายธรรมอยู่ในเวลาใกล้รุ่ง ตักเตือนบุตรน้อยอย่างนี้ว่า
เจ้าปิยังกรอย่าเอ็ดไป ภิกษุกำลังกล่าวบทธรรม
อีกอย่าง เรารู้บทธรรมแล้ว จะปฏิบัติเพื่อประโยชน์
ของเรา ข้อนั้นพึงมี
เราพึงสำรวมในสัตว์ทั้งหลายไม่พึงกล่าวเท็จ
ทั้งๆ รู้พึงศึกษาความเป็นผู้มีศีลของตน เราก็จะพ้น
จากกำเนิดปีศาจ ดังนี้
แล้วได้บรรลุโสดาปัตติผลในวันนั้นเอง."
หรือคำว่า "อบาย ๔" ในที่นี้จะหมายถึงเพียงภูมิที่อาศัยอยู่ มิได้หมายถึงภูมิของปฏิสนธิใช่ไหมครับ เหมือนอย่างสัตว์เดรัจฉานที่อาศัยอยู่ในภูมิมนุษย์น่ะครับ
กราบขอบพระคุณครับ
เรียน ความคิดเห็น ๒ ครับ ในอรรถกถาบางพระสูตร อย่างเช่นใน จิตตสูตร แสดงไว้ว่า ยักษิณีอุตตรมาตา ปิยังกรมาตา เป็นต้น เป็นผู้พ้นจากอบาย ๔ แต่ก็มีชีวิตที่ไม่ค่อยจะมีความสุข และเมื่อเป็นติเหตุกบุคคล ก็สามารถบรรลุธรรมได้เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ครับ
กราบอนุโมทนา อ.คำปั่นครับ