ผมปฎิบัติได้ประมาณ 4 เดือนแล้วนะครับ มีสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผม ที่ขอถามท่านนะครับ
1. เวลานั่งอยู่เฉยๆ (ไม่ได้นั่งสมาธินะครับ) รู้สึกว่าจิตนิ่งแล้วมีอาการวูบวาบในตัวครับ
2. เวลามองตัวหนังสือบนผนัง ตัวหนังสือจะนูนออกมาเป็นแถวๆ คล้ายสามมิติ แต่ช่วงขณะนั้นรู้สึกว่าจิตนิ่งครับ
ขอรบกวนถามแค่นี้ก่อนนะครับ ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา หากจะพิจารณาว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่นั้นก็คือ ทำแล้วเกิดความเข้าใจถูกมากขึ้น มีปัญญาเข้าใจความจริงมากขึ้น ไม่ได้อยู่ที่การสงบนิ่งมากขึ้นแต่ไม่รู้อะไร ดังนั้น ขณะที่ทำอะไรก็ตาม แล้วเกิดความสงสัย ขณะที่สงสัย ไม่ใช่ปัญญา แต่เป็นอกุศล ดังนั้น จึงไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง
ผู้ที่เป็นผู้ตรง และ เคารพในพระธรรมของพระพุทธเจ้า ย่อมที่จะอาจหาญ ร่าเริง ที่จะรู้ตนเองที่จะไม่ดำเนินในทางที่ไม่ถูกต้อง และ กล้าเปลี่ยนไปสู่ความที่ถูกต้อง เพราะ คงไม่มีอะไร สำคัญเท่ากับประโยชน์ตน คือ ปัญญาความเห็นถูก และ คงไม่มีอะไรเลวร้ายเท่า ความเห็นผิด และ ความไม่รู้ อันเป็นการทำลายประโยชน์ตนทั้งในโลกนี้ และ ในโลกหน้า
การปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่การนั่งสมาธิ แต่ เป็นการรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมจึงไม่ได้แยกจากชีวิตประจำวัน เพราะ ปฏิบัติ คือ การถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรม และธรรมก็ไม่ได้อยู่ในขณะที่นั่ง ในห้องปฏิบัติ ขณะนี้มีธรรมให้รู้ เห็น ได้ยิน คิดนึก โกรธ โลภ ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมที่ควรู้ ควรรู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา การปฏิบัติธรรมจึงเป็นการเจริญสติปัฏฐานที่ไม่ใช่การนั่งสมาธิแต่อย่างใดเลย เพราะฉะนั้น แม้แต่ขณะที่มีความคิดนึกในเรื่องอดีต ขณะนั้นอะไรมีจริง คิดมีจริง ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องจึงไม่ทำให้ใจเดือดร้อนว่า ยังคิดเรื่องอดีตอยู่ เพราะอยากให้ใจเป็นสมาธิ แต่ การปฏิบัติที่ถูกต้องที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน คือ การรู้สภาพธรรมที่กำลังเกิด แม้แต่การคิดเรื่องอดีต คิดมีจริง ขณะที่คิด ไม่ใช่เราที่คิด แต่เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง คือ จิตที่คิดนึก การรู้ความจริงว่าเป็นแต่เพียง จิต ไม่ใช่เราที่คิด ขณะนั้นเป็นการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องแล้ว เพราะมีปัญญาเกิดรู้ความจริง
ดังนั้น กล่าวได้ว่า ที่ใด เมื่อไหร่ที่ปัญญาเกิด ขณะนั้นเป็นการปฏฺบัติธรรม เพราะหากไม่มีปัญญา มีแต่ความสงบนิ่ง โดยที่ไม่รู้อะไร ก็ไม่ใช่ พุทธ ผู้รู้ ที่เป็น เรื่องของปัญญาเป็นสำคัญ เพราะ ปัญญานั่นเองที่จะเป็นธรรมที่สามารถดับกิเลสได้
ควรเริ่มจากความเข้าใจขั้นการฟัง เป็นสำคัญก่อน ไม่ใช่การไปนั่งปฏิบัติโดยยังไม่รู้เลยว่า ปฏิบัติธรรม คือ อะไร ธรรม คือ อะไร เพราะ การแสวงหาธรรม แสวงหา ทางสงบ หากไม่รู้จัก แม้คำว่า สงบ ในทางธรรม ก็ไปแสวงหา สิ่งที่ไม่สงบสำคัญว่า สงบ อันจะทำให้เกิด อกุศล คือ ความสงสัย และ ความฟุ้งซ่าน ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้คิดด้วยอกุศลเป็นส่วนมาก จนเกิด อาการทางจิตได้ในอนาคต ครับ
ชาตินี้ได้มีโอกาสพบพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และ ทรงประกาศไว้ อย่าปล่อยทิ้งมรดกอันล้ำค้า คือ พระธรรม ด้วยการเป็นทายาท คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเป็นสำคัญ ความเข้าใจจะเกิดขึ้นเอง โดยไม่ต้องไปนั่งปฏิบัติสมาธิ เพราะ ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง มรดกอันล้ำค่า จึงมีค่า และ จะได้รับมรดกต่อเมื่อผู้นั้นมีปัญญา อันเกิดจากการฟังพระธรรมเป็นสำคัญ ครับ ดังนั้นจิตนิ่งไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่ ปัญญาความเห็นถูกในสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เป็นการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งเริ่มจากการฟัง ศึกษาพระธรรม ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ แม้แต่คำว่า จิต คำเดียว ก็ลึกซึ้งมาก เป็นการกล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะ นี้ เพราะจิต คือ สภาพธรรมที่เป็นใหญ๋เป็นประธาน ในการรู้แจ้งอารมณ์ (สิ่งที่จิตรู้) และไม่เคยขาดจิตเลย มีจิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย เห็นก็เป็นจิต ได้ยินก็เป็นจิต เป็นต้น แม้ในขณะที่คุณความดีเกิดขึ้น หรือ ความไม่ดีเกิดขึ้น ก็ไม่พ้นไปจากจิต แล้วจะกล่าวว่าจิตนิ่งนั้น คือ อะไร ไม่พ้นไปจากความไม่รู้ และความคิดนึกไป
หนทางที่จะทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้น ก็คือ ต้องฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังตามความเป็นจริง ถ้าไม่ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก มีแต่ความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แต่สำคัญผิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นแล้วที่ดีที่สุด ควรที่จะได้ตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ควรไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ปัญญาเป็นเรื่องรู้ ทำแล้วไม่รู้ไม่ใช่ปัญญา ค่ะ