เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนเก็บขยะถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง 34 ล้านบาท ทางโลกถือว่าโชคดีที่สุด แต่เงินทองเป็นของชั่วคราว วันนี้เป็นของเรา วันต่อๆ ไปไม่รู้ว่าเป็นของใคร และทรัพย์สินเงินทอง ก็อาจจะหมดไปด้วยน้ำ ด้วยไฟไหม้ ด้วยโจร ต้องพลัดพราก เป็นที่พึ่งไม่ได้ แต่การได้ฟังธรรมะ และการได้ศรัทธาในพระรัตนตรัยยิ่งยากกว่าการถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง เพราะศีล ภาวนา ปัญญา เป็นที่พึ่งติดตามตนไปได้ในชาติต่อๆ ไป คือการเข้าใจขึ้น การรู้ความจริงและมั่นคงในสัจจธรรม มั่นคงในการเจริญกุศลยิ่งขึ้นค่ะ
เป็นผู้มีทรัพย์มากในโลก
ดูก่อนอุคคะ ทรัพย์นั้นมีอยู่แล เรามิได้กล่าวว่าไม่มี แต่ทรัพย์นั้นแลเป็นของทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก
ดูก่อนอุคคะ ทรัพย์ ๗ ประการนี้แลไม่ทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก ๗ ประการเป็นไฉน คือ ทรัพย์ คือ ศรัทธา ๑ ศีล ๑ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ สุตะ ๑ จาคะ ๑ ปัญญา ๑
ดูก่อนอุคคะ ทรัพย์ ๗ ประการนี้แล ไม่ทั่วไปแก่ไฟ น้ำ พระราชา โจร ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก
เงินทองนั้นไม่ตั้งอยู่ยั่งยืนเลย
อนึ่ง เงินทองนี้ ทำให้เกิดความโลภ ความมัวเมา ความลุ่มหลง ความติดดังเครื่องผูก มีภัย มีความคับแค้นมาก เงินทองนั้นไม่ตั้งอยู่ยั่งยืนเลย.
นรชนเป็นอันมากประมาท มีใจเศร้าหมองแล้ว เพราะเงินทองเท่านี้ จึงต้องเป็นศัตรู วิวาทบาดหมางกันและกัน.
อาสวะทั้งหลาย ไม่ใช่หมดสิ้นไปเพราะเงินทองดอกนะ กามทั้งหลายเป็นอมิตร เป็นผู้ฆ่า เป็นศัตรู เป็นดั่งลูกศรเสียบไว้.
[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา
เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ ๔๑๖ สุภากัมมารธิดาเถรีคาถา
การใช้โภคทรัพย์โดยทางที่ควร
อริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ เลี้ยงตน เลี้ยงมารดาบิดา บุตร ภริยา บ่าวไพร่ คนอาศัย เพื่อนฝูง ให้เป็นสุขเอิบอิ่มสำราญดี ด้วยโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยความหมั่นขยันที่สะสมขึ้นด้วยกำลังแขนที่ต้องทำงานจนเหงื่อไหล ที่ชอบธรรม ที่ได้มาโดยธรรม เป็นการชอบแก่เหตุแล้ว เป็นการสมควรแล้ว เป็นการใช้โภคทรัพย์โดยทางที่ควรแล้ว
ความเจริญด้วยทรัพย์ไม่ประเสริฐ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายความเสื่อมแห่งโภคะมีประมาณน้อย ความเสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความเจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญปัญญา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเนียกอย่างนี้แล.
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๔
ปัญญา เป็น ทรัพย์อันประเสริฐ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
การสร้างบุญ สร้างกุศล สะสมบุญบารมี อบรมเจริญปัญญาให้เห็นตามความเป็นจริง เป็นอริยทรัพย์ อันเป็นที่พึ่งได้จริงๆ ย่อมประเสริฐกว่า อย่างแน่นอน
ทรัพย์ที่ประเสริฐ ไม่ใช่รูปธรรม แต่ล้วนเป็นนามธรรม อันได้แก่ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา หิริ โอตตัปปะ ซึ่งไม่อาจถูกทำลายด้วยบุคคลอื่นหรือภัยธรรมชาติ และยังสั่งสมเป็นอุปปนิสัยต่อไปได้ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ที่พึ่งอันเกษมสูงสุดของข้าพเจ้า
ผู้มีปัญญา ชื่อว่าไม่จน
คลิกอ่านเพิ่มเติมที่...
ผู้มีปัญญา ถึงจะสิ้นทรัพย์ก็ยังเป็นอยู่ได้
อริยทรัพย์ ๗ [ปาฏิกวรรค]
ขออนุโมทนาพี่วรรณี
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ครับ ปัญญา คือความเข้าใจพระธรรม ย่อมประเสริฐสุด ท่าน อ.สุจินต์ มักกล่าวเสมอว่า " เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม " เชื่อว่าสมาชิกทุกท่านที่ได้เข้าใจพระธรรมคงไม่ยอมเหมือนกัน ถ้าได้เงินมา 34 ล้านบาท แต่ต้องแลกด้วย การกลับไปเป็นผู้ที่ไม่เคยฟัง "รายการแนวทางเจริญวิปัสสนา"
ด้วยปัญญาที่ยังไม่เจริญ เมื่อได้ยินคำว่า รางวัลที่ ๑ ได้เงินตั้ง ๓๔ ล้าน โลภะ ก็มากระซิบ เริ่มหวั่นไหว ถ้าจะสารภาพว่า เลือกรางวัลที่ ๑ ก็อาย จะบอกว่า เลือกเอาปัญญา ก็ไม่แน่ใจว่า เป็นผู้ตรงหรือไม่ สรุปว่า ไม่รู้จะเลือกอะไร? (ในความเป็นจริงก็คือ คิดเพ้อเจ้อไป ด้วยความเป็นตัวตน แม้เป็นแค่เรื่องสมมติ กิเลสก็ยังกระเพื่อม)