ญาตปริญญา และ อื่นๆ (๒)
โดย pirmsombat  7 ม.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 17700

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ วิปัสสนาญาณต่อไป คือ อุทยัพพยญาณ เป็นปัญญาที่ประจักษ์ การเกิดขึ้นและดับไปทันทีของสภาพธรรมทีละอย่าง เพราะฉะนั้น ก็มีการประจักษ์ในการเกิดดับ ซึ่งเป็นไตรลักษณะของสภาพธรรม ชัดเจนยี่งกว่า สัมมสนญาณ

เมื่อ อุทยัพพยญาณดับไปแล้ว ก็ยังไม่เป็น ปหานปริญญา เพราะปริญญา มี ๓ คือ ญาตปริญญา ๑ ตีรณปริญญา ๑ และ ปหานปริญญา ๑ และที่อุทยัพพยญาณจะเกิด ที่จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม ทันทีที่สภาพธรรมนั้นเกิดและดับ จะต้องเป็นความสมบูรณ์ของการพิจารณารู้ลักษณะของสภาพธรรมตามปกติที่รู้ว่ขณะใดก็ตามที่สติเกิด มีสภาพธรรมกำลังปรากฏ สภาพนั้นดับแล้ว ต้องมีความชินกับการที่จะน้อมไปและรู้จริงๆ ว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่ปรากฏอย่างสั้นมาก เล็กน้อยมาก และแล้วก็ดับ ต้องพิจารณาทั่วทั้ง ๖ ทาง ถ้าไม่ทั่วทั้ง ๖ ทาง อุทยัพพยญาณก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่ใครจะไปเพียรจ้องที่จะให้ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของนามธรรมและรูปธรรม จ้องก็เห็น ถึงแม้ไม่จ้อง คือในขณะนี้ก็รู้ อย่างได้ยินหรือเสียงนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าดับ หรือหมดไป ก็ต้องมีการพิจารณารู้ได้ ถ้าขณะนั้นมีสมาธิความจดจ้องอยู่ที่อารมณ์ เดียวที่จะไม่รู้อย่างอื่นเลย ขณะนั้นจะรู้ได้ว่า สี่งที่กำลังปรากฏแล้วก็หมดไป แต่ไม่ใช่ อุทยัพพยญาณ

การที่จะไปหาวิธีอื่นซึ่งไม่ใช่การอบรมปัญญา แต่จะไปพยายามเป็นวิธีลัด ที่จะใช้การจดจ้อง เพื่อจะประจักษ์การเกิดดับ บุคคลนั้นจะรู้ได้ค่ะว่า แม้กระนั้นขณะนั้น ก็ไม่มีปัญญาที่จะรู้อะไรเลยสักอย่างเดียว นอกจากจะมีความรู้สึกแปลกใจหรืออาจจะ ตื่นเต้น หรืออาจจะคิดว่านี่อะไร เกิดขึ้นมาแล้วก็หมดไป แต่ไม่ใช่ปัญญาที่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นปัญญาที่รู้แล้วละความไม่รู้ ก็จะต้องรู้ลำดับความเจริญขึ้นของ วิปัสสนาญาณ แต่ละขั้นด้วย

การที่อุทยัพพยญาณจริงๆ จะเกิดขึ้นเป็นไปได้ จะต้องผ่าน นามรูปปริจเฉทญาณ ปัจจยปริคคหญาณ สัมมสนญาณ แล้วก็ต้องเข้าใจความหมายของ ญาตปริญญา และ ตีรณปริญญาด้วย เพราะว่าจากญาตปริญญาจะไปถึงปหานปริญญาไม่ได้ เมื่อปัญญาเกิดขึ้นรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม โดยสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตนที่เป็น นามรูปปริจเฉทญาณ แล้วอาศัยการที่รู้ การที่ประจักษ์แจ้งนั้นเอง พิจารณาลักษณะของสภาพธรรม ในขณะที่สติปัญญะเกิดเรื่อยไป จนกระทั่งถึงการประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไป ที่เป็น อุทยัพพยญาณ นั่นคือ ตีรณปริญญา

แต่ถ้าไม่มีตีรณปริญญา ขณะเห็นไม่เคยรู้ ขณะได้ยินตามปกติไม่เคยรู้ ขณะ กระทบสี่งที่สัมผัส ขณะทีคิดนึก ปัญญาจะไม่เจริญเลย แล้วก็จะให้เป็น อุทยัพพยญาณ หรือว่าเกิดไปจดจ้อง แล้วก็เข้าใจว่าตัวเองถึงอุทยัพพยญาณ ขณะนั้นผู้นั้นจะไม่รู้ความหมายของปัญญา ว่าปัญญาคือความรู้จริง ความรู้จริงไม่ใช่ เป็นการไปเห็นสี่งหนึ่งสี่งใด แล้วไม่รู้ ไม่เข้าใจ

แม้อุทยัพพยญาณ ก็ไม่ใช่ปหานปริญญา แต่ว่าเมื่อได้ประจักษ์การเกิดขึ้นและ ดับไป ด้วยปัญญาที่เป็นตีรณปริญญาแล้ว พิจารณาลักษณะของสภาพธรรมด้วย

สติสัมปชัญญะที่เป็นปกติและ ปัญญาที่เพี่มขึ้นจนกระทั่ง ปัญญาน้อมไปพิจารณา อาการที่ดับไป

ขณะที่เป็นวิปัสสนาญาณขั้นต่อไป คือ ภังคญาณ ขณะนั้น จะเริ่ม ปหานปริญญา จนกว่าจะถึง ญาณทัสสนะ ซึ่งเป็นมัคคญาณ ก็เป็นเรื่องที่อีกไกลใช่ไหมคะ แต่ก็เป็นเรื่องที่ถ้าได้ฟังแล้วเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่อง งมงาย หรือว่าเป็นเรื่องหลงผิด แต่เป็นเรื่องที่ปัญญารู้จริงๆ ในลักษณะของ สภาพธรรมหร้อมด้วยสติสัมปชัญญะปกติ ก็จะทำให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาท และ ยึดถือ หนทางผิดว่าเป็นหนทางถูก เพราะว่าเป็นเรื่องของผู้นั้น ที่จะต้องพิจารณาจริงๆ ว่า ปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้จริงๆ หรือเปล่า ถ้าไม่จริง อย่าไปทำอะไรนอกจากเรื่มพิจารณาเข้าใจลักษณะของสี่งกำลังปรากฏใน ขณะนี้เพี่มขึ้นเสียก่อน

ขณะนี้เป็นปรมัตถธรรมทั้งหมด ผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรมแล้ว ก็ไม่สงสัยเลย ต้องเป็นปรมัตถธรรม สี่งที่กำลังปรากฏทางตามีจริงๆ เห็นมีจริงๆ เสียงก็เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ได้ยินจริงๆ เพราะฉะนั้น ปัญญาที่เรี่มจะเข้าใจ ไม่ใช่ไปทำอะไร แต่ขณะใดที่สติมีการระลึกรู้ และเรี่มเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ นั่นคือการเรี่มต้น การอบรมเจริญปัญญา จนกว่าจะถึงการรู้แจ้ง อริยสัจธรรม ไม่มีหนทางอื่น



ความคิดเห็น 1    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 10 ม.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 16 ม.ค. 2554

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย pirmsombat  วันที่ 18 ม.ค. 2554

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 4    โดย somjad  วันที่ 19 ม.ค. 2554

ได้เคยฟังอาจารย์บรรยายตอนหนึ่ง การศึกษาและปฏิบัติ แม้นวิปัสนาญาณจะเกิดขึ้นเป็นวิปัสนาแรก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับกิเลสได้ แต่ก็หมายความว่าการศึกษา และปฏิบัตินั้นไม่เป็นโมฆะ


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 19 ม.ค. 2554

นามรูปปริจเฉทญาณ เป็นปัญญาที่ประจักษ์ แยกนามธรรม รูปธรรม ในสังสารวัฏฏ์ วิปัสนาญาณที่หนึ่งจะเกิดก็แสนยาก ยากที่สุดในโลกค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 21 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ