๖. สารีปุตตสูตร
ว่าด้วยการสรรเสริญพระสารีบุตร
[๗๔๑] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้นแล ท่านพระสารีบุตรชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลาย เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาของชาวเมือง สละสลวยไม่มีโทษ ไม่เคลื่อนคลาด อาจยังผู้ฟังให้รู้เนื้อความได้แจ่มแจ้ง. ส่วนภิกษุเหล่านั้นก็ทำธรรมนั้นให้เป็นประโยชน์ ใส่ใจกำหนดด้วยจิตทั้งปวง เงี่ยโสตลงฟังธรรม.
[๗๔๒] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะมีความคิดดังนี้ว่า ท่านพระ สารีบุตรนี้ แนะนำชักชวนภิกษุทั้งหลายให้อาจหาญ รื่นเริงด้วยธรรมีกถา ด้วยวาจาของชาวเมือง สละสลวย ไม่มีโทษ ไม่เคลื่อนคลาด อาจยังผู้ฟังให้รู้เนื้อความได้แจ่มแจ้ง.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 323
ส่วนภิกษุเหล่านั้นเล่า ก็ทำธรรมนั้นให้เป็นประโยชน์ ใส่ใจกำหนดด้วยจิตทั้งปวง เงี่ยโสตลงฟังธรรม อย่ากระนั้นเลย เราควรสรรเสริญท่านพระสารีบุตรด้วยคาถาทั้งหลายอันสมควรในที่เฉพาะหน้าเถิด.
ลำดับนั้นแล ท่านพระวงคีสะลุกจากอาสนะ ทำผ้าห่มเฉวียงบ่า ข้างหนึ่งแล้ว ประณมอัญชลีไปทางท่านพระสารีบุตรแล้ว ได้กล่าวกะท่าน พระสารีบุตรดังนี้ว่า ท่านสารีบุต เนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพเจ้า ท่าน สารีบุตร เนื้อความนี้ย่อมแจ่มแจ้งกะข้าพเจ้า. ท่านพระสารีบุตรกล่าวกะท่านพระวังคีสะว่า เนื้อความนั้นจงแจ่มแจ้ง กะท่านเถิด ท่านวังคีสะ.
[๗๔๓] ครั้งนั้นแล ท่านพระวังคีสะได้สรรเสริญท่านพระสารีบุตร ต่อหน้าด้วยคาถาทั้งหลายอันสมควรว่า
ท่านสารีบุตรเป็นนักปราชญ์ มี ปัญญาลึกซึ้ง ฉลาดในทางและมิใช่ทาง มีปัญญามาก ย่อมแสดงธรรมแก่ภิกษุ ทั้งหลาย แสดงโดยย่อก็ได้ แสดงโดย พิสดารก็ได้ เสียงของท่านไพเราะดังก้อง เหมือนเสียงนกสาริกา ปฏิภาณเกิดขึ้นโดย ไม่รู้สิ้นสุด เมื่อท่านแสดงธรรมอยู่ ภิกษุ ทั้งหลายย่อมฟังเสียงอันไพเราะ เป็นผู้ ปลื้มจิตยินดีด้วยเสียงอันเพราะ น่ายินดี น่าฟัง เงี่ยโสตอยู่ ดังนี้.
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขออนุโมทนาด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ