ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
หนูเป็นคนหนึ่งที่กำลังจะสูญสิ้นศรัทธาในการเป็นคนดี (แต่ไม่ได้อยากทำความชั่วแทนนะคะ) กล่าวคือ ไม่อยากทำดีกับคนที่ไม่ดีอีกต่อไปแล้ว บางเวลาที่อยู่คนเดียวแล้วนึกถึงคนที่ทำร้ายเรา ก็พลันเกิดอารมณ์พยาบาทขึ้นมา คิดว่า หากย้อนเวลาไปได้ อยากจะร้ายกลับให้สะใจ ไม่ใช่นั่งนิ่งเป็นนางเอก ให้เขากล่าวหาอย่างเสียหาย และทำให้เรารู้สึกไม่ดีข้างเดียว เพียงเพราะอยากเป็นคนดีกว่า มีวุฒิภาวะกว่า หลายครั้งพยายามจะไม่สนใจว่าเขาจะเป็นตายร้ายดี ได้รับสิ่งที่เขาทำไว้กับเราหรือไม่ แต่จิตใจก็ร้อนรุ่มทุกครั้งที่ยังเห็นว่า "คนที่ทำร้ายเรา เขากลับยังอยู่ดีมีสุข และไม่ได้รับผลกรรมที่เขาก่อ" รู้สึกว่าโลกช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย ในเมื่อผลที่เราจะได้รับต้องเกิดจากกรรมของเราแน่นอน เราเองก็ได้รับแล้ว แต่เขาล่ะ? ทำไมเขาไม่ได้รับนะ! ทำไมกรรมชั่วจึงให้ผลเด่นชัดและรวดเร็ว เปรียบเสมือนพายุฝน แต่ความดีกลับให้ผล เสมือนน้ำค้างที่โปรยละอองลงมา เพียงให้รู้ว่ามีอยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ร่างกายคลายร้อนได้เลย
มันท้อมาก ท้อจริงๆ แล้วก็เสียใจด้วย เสียใจว่า "ฉันไม่เคยทำให้อะไรแบบนี้ให้ใครเลย ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย" คนใกล้ชิดเรา ก็พลอยเวทนาเราไปด้วย ได้รู้เช่นนี้ก็ยิ่งเวทนาเข้าไปอีก
กรรมมีสภาพซับซ้อน แต่มันยุติธรรมจริงๆ ใช่มั้ยคะ? เพราะมันยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว อะไรที่เกิดขึ้นในชาตินี้ และเป็นเราที่จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น มันก็น่ายอมรับได้ แต่บางอย่างที่เกิดขึ้นไปแล้ว และเป็นสิ่งที่เราไม่เคยได้ล่วงรู้ จำไม่ได้ มันยากเหลือเกินที่จะยอมรับ และรู้สึกท้อแท้กับการทำดีต่อจริงๆ ค่ะ...
ขอกราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กรรมย่อมยุติธรรมเสมอ เพียงแต่ว่าเราไม่รู้ถึงกรรมในอดีต ที่เคยทำไม่ดีไว้ จึงทำให้ได้รับผลของกรรมไม่ดีในปัจจุบัน ดั่งเช่น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้ถูกโจรทุบจนกระดูกแหลกละเอียด ภิกษุรูปอื่นๆ ก็กล่าวว่า ไม่น่าเลยที่อัครสาวก จะได้รับกรรมที่ไม่ดีแบบนี้ คือ คนดี ทำไมจะต้องได้รับสิ่งที่ไม่ดีเช่นนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า เธอได้รับกรรมสมควรแก่บาปที่เธอทำไว้แล้ว เพราะ เธอ ทุบตี บิดา มารดา จนสิ้นชีวิต เศษกรรมนั้นจึงทำให้เธอถูกทุบตี จนกระดูกแหลกละเอียด เพราะฉะนั้น กรรมย่อมยุติธรรมเสมอ ครับ ส่วนผู้ที่ทำบาปในปัจจุบัน ย่อมมีกาลเวลาของการให้ผล ไม่จำเป็นจะต้องให้ผลในชาตินี้ ชาติอื่นๆ ก็ได้ ดังเช่นที่เราได้เคยทำกรรมไม่ดีในอดีตชาติ ก็ยังไม่ให้ผลในชาติในอดีตชาติ แต่ก็มาให้ผลในชาตินี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น ก็ควรเป็นผู้มั่นคงในเรื่องของกรรมว่า ขณะใดที่ได้รับสิ่งที่ดี ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ย่อมเกิดจากผลของกรรมดี ไม่ว่าจะเป็นกรรมในชาติไหนก็ตาม และ ขณะใดที่ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ก็ต้องเป็นผลของอกุศลกรรม จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม เพราะฉะนั้น ที่ทำบาป ได้รับสิ่งที่ไม่ดี เพราะ มีกิเลส ดังนั้นเหตุให้ทุกข์คือ กิเลส ผู้ปัญญาจึงไม่ใช่มานั่งคร่าครวญ บ่นเพ้อ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ที่เป็นหนทางดับกิเลส และ การทำดี เพราะ เป็นความดี เป็นสิ่งที่ควรกระทำ ไม่ใช่เพื่อหวังผลในความดี ครับ ขออนุโมทนา
เราควรจะดีใจที่ได้ชดใช้กรรมเก่า
แต่ควรจะเมตตาเขาที่ได้เริ่มทำกรรมใหม่
กรรมยุติธรรมเสมอ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อกุศลกรรม และกุศลกรรมที่แต่ละคนกระทำในชาติก่อนๆ รวมถึงชาตินี้ด้วย ย่อมสะสมสืบต่อไปในจิต แม้ว่าจะเกิดเป็นบุคคลใหม่ในชาติใหม่แล้วก็ตาม วิบาก คือ ผลของกรรมย่อมเกิดขึ้นแก่บุคคลนั้น ตามสมควรแก่เหตุ กรรมที่กระทำไว้ไม่ได้หายไปไหน แม้ผู้ทำกรรมจะลืมไปแล้ว แต่กรรมย่อมไม่ลืมที่จะให้ผล เมื่อได้เหตุปัจจัย ก็ทำให้ผลเกิดขึ้น โดยไม่มีใครทำให้เลย
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ในชีวิตประจำวันย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง แม้ในเรื่องกรรมและผลของกรรม ก็เช่นเดียวกัน ไม่พ้นไปจากธรรมเลย ไม่พ้นจากชีวิตประจำวันด้วย ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ย่อมจะเป็นผู้มีความเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุคคลแต่ละคน หรือแม้กระทั่งเกิดกับตัวเอง ไม่ว่าดีหรือร้าย น่าปรารถนาหรือไม่น่าปรารถนาก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะกรรมที่เคยได้กระทำมาแล้วทั้งสิ้น ไม่มีใครทำให้เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ถ้าไม่มีเหตุคือกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ผลที่จะเกิดย่อมมีไม่ได้ แต่เพราะมีเหตุคือกรรมที่ได้กระทำแล้ว เมื่อได้โอกาสที่กรรมจะให้ผล ผลจึงเกิดขึ้น
ไม่ควรท้อถอยในการทำความดี ความดีเป็นสิ่งที่ควรสะสมอบรมเจริญ ส่วนสิ่งที่ไม่ดี คือ อกุศลทั้งหลาย ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่บุคคลอื่น ไม่ควรที่จะสะสมให้มีมากขึ้น เพราะเหตุว่า อกุสลกรรม เป็นที่พึ่งไม่ได้ แต่สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายทั้งในโลกนี้และในโลกหน้านั้น ก็คือ กุศลความดีทั้งหลาย เท่านั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ปัญญา ซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ