หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๗๐๗]
ปัญญาค่อยๆ เกิดขึ้น ค่อยๆ เจริญขึ้น
ลองคิดถึงการเจริญยากของปัญญา ซึ่งตรงกันข้ามกับอวิชชา (ความไม่รู้) อวิชชาไม่ต้องไปทนุบำรุงเลย ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องอะไร อวิชชาก็มีปัจจัยที่จะเกิดขึ้นไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ แต่ว่าวิชชา กว่าจะได้ฟัง ฟังแล้วกว่าจะไตร่ตรองว่า ขณะนี้อยู่ในโลกของความฝันหรือว่าความจริง? เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏหมดแล้ว มีแต่ความจำในเรื่องของสภาพธรรมที่ปรากฏ จนกว่าเมื่อไหร่สติสัมปชัญญะเกิด ขณะนั้นมีลักษณะปรากฏ เหมือนตื่นขึ้น พ้นจากการที่จะไปจำไว้ว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรื่องราวต่างๆ แต่ว่ามีลักษณะของปรมัตถธรรมจริงๆ ที่ปรากฏให้รู้ ซึ่งเมื่อปัญญาเจริญขึ้น จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม ถ้าไม่มีหนทางที่จะประจักษ์ความจริง ไม่มีการที่จะละกิเลสได้ แต่การที่พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์เดียวที่จะตรัสรู้ความจริง แต่เพื่อที่จะถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงของธรรมโดยประการทั้งปวง โดยละเอียด ตลอด ๔๕ พรรษา ก็เพื่อที่จะให้คนฟัง ค่อยๆ สะสมความเห็นถูก ซึ่งคนที่สะสมมาแล้ว เพียงฟังสภาพธรรมปรากฏ เพราะรู้ไม่ใช่เพราะไม่รู้ และไม่ใช่ความรู้ระดับที่เพิ่งเริ่มรู้ แต่เพราะรู้ถึงระดับที่ละหรือสละความติดข้องในสิ่งที่ปรากฏได้
นี่ก็แสดงให้เห็นว่าความรู้ของเรากำลังค่อยๆ เริ่มที่เจริญขึ้น ที่จะรู้ความจริง แต่ก็ต้องอาศัยการฟัง และก็เข้าใจเพิ่มขึ้นต่อไป
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
กราบอนุโมทนาครับ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และกราบยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ