เมื่อก่อนดิฉันได้ยินผู้ใหญ่หลายท่าน มักจะบอกเล่าว่า เวลาคนเราจะตาย หากมี สติครบถ้วนดี ให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธองค์ ให้ภาวนา...พุธโธ หรือระลึกถึงแต่สิ่ง ดีๆ แล้วจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี เหตุผลของเรื่องนี้เป็นอย่างไร รบกวนช่วยอธิบาย ด้วยค่ะ
พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า เมื่อเวลาใกล้ตายจิตผ่องใส สุคติภูมิย่อมหวังได้ เมื่อ จิตเศร้าหมองทุคติภูมิย่อมหวังได้ จากพระพุทธพจน์นี้แสดงให้เห็นว่า อยู่ที่สภาพจิต เป็นสำคัญ แม้ว่าเวลาใกล้ตาย มีการภาวนาว่า "พุทโธ" แต่ไม่มีความเข้าใจพระคุณ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การท่องคำว่า " พุทโธ " อาจไม่สำเร็จประโยชน์ อันใด ที่สำคัญคือ ในชีวิตประจำวันของเราควรศึกษาพระธรรมคำสอนและเจริญกุศล ทุกประการ อบรมเจริญปัญญาเพื่อการรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ต้องรอ เวลาใกล้ตาย ควรเริ่มทำเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่จะสายไป
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...
จิตไม่เศร้าหมองแล้ว สุคติเป็นอันหวังได้ [วัตถูปมสูตร]
ถ้าเราทำความดีทุกๆ วัน เช่น ให้ทาน รักษาศีล ทำประโยชน์ให้สังคมอนุเคราะห์ สงเคราห์ เกื้อกูลกัน อุทิศกุศลให้เขาอนุโมทนา ภพภูมิที่ดีก็รออยู่แล้วข้างหน้า ที่ สำคัญขอให้ฟังธรรมทุกๆ วันนะค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
สภาพธรรมทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัยตามการสะสมนะคะ เลือกไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าได้สะสมอกุศลไว้มาก เหตุปัจจัยที่จะทำให้อกุศลจิตเกิดก่อนจุติ ย่อมมีมาก ธรรมเป็นเรื่องของเหตุของผลนะคะ เมื่อหวังผลอย่างไรพึงเจริญเหตุอย่าง นั้น ควรเริ่มจากการศึกษาพระธรรม แล้วจะทราบว่าเหตุที่ควรเจริญคืออย่างไร?
ไม่มีใครบังคับสภาพธัมมะ ให้เป็นไปตามใจได้ เพราะเป็นธัมมะ ไม่ใช่เรา ถ้าเป็น ไปดั่งใจทุกคนก็คงเกิดบนสวรรค์หรือสุคติภูมิ หรือถ้าบังคับได้ ก็คงไม่ต้องรอตอนตาย ก็ทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ความเป็นจริง แม้ตอนนี้เรายังบังคับอะไรไม่ได้เลย เมื่อโทสะ จะเกิดก็เกิด เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม เมื่อกุศลจะเกิด ก็ไม่มีใครไปบังคับก่อนว่า กุศลจง เกิด แต่ธัมมะเขาก็มีเหตุปัจจัยของเขานั่นเอง ซึ่งในเรื่อง ก่อนตาย ให้ระลึกถึงความดี ตัวอย่าง ที่แสดงถึงการบังคับบัญชาไม่ได้ ก็มีในเรื่อง พระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสี ของพระเจ้าปเสนทิโกศล แม้ทำกุศลตั้งมากมายกับพระพุทธเจ้า แต่เพราะกรรมอย่างหนึ่ง จึงคิดแต่เรื่องนั้น แม้ใกล้ตายจึงไปเกิดใน อเวจี มหานรก ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ.....
พระนางมัลลิกาเกิดในอเวจี [เรื่องพระนางมัลลิกา]
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ