อาศัยโลภะ ละโลภะเป็นอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมจะต้องสอดคล้องกันอย่างตลอด อย่างคำว่า อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหา ก็มีความละเอียดลึกซึ้ง ถ้ามีตัณหา จะเอาตัณหาละไม่ได้ แต่เพราะสิ่งนี้มี จึงเข้าใจสิ่งที่มี จึงจะละสิ่งที่มีได้ ซึ่งเพราะ อาศัย ตัณหา คือ โลภะ ความต้องการเกิดขึ้น ซึ่งมีเหตุปัจจัย จึงเกิดขึ้น แต่เมื่อรู้ว่า ตัณหา โลภะ เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา ปัญญาที่เกิดขึ้นเพราะอาศัยตัณหา โลภะที่เกิดขึ้น จึงชื่อว่า อาศัยตัณหา ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ละตัณหา คือ ปัญญารู้ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมไม่ใช่เรา
-มีตัณหา (โลภะ) จึงมีการอบรมเจริญปัญญาเพื่อดับตัณหา ถ้ามีข้อความใดที่แสดงว่า อาศัยตัณหาละตัณหา ให้เข้าใจได้ว่า หมายความว่า อาศัยตัณหา คือ ตัณหามี จึงอบรมเจริญปัญญาเพื่อละตัณหา ไม่ใช่ใครก็ตามได้ยินอย่างนี้แล้ว ก็เจริญตัณหาให้มากๆ เพื่อที่จะไปละตัณหา ซึ่งไม่มีทางจะเป็นไปได้เลย
อ้างอิงจาก ... ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๘
ขออนุโมทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริงแล้วบุคคลใดก็ตามซึ่งยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมจนถึงความเป็นพระอรหันต์ย่อมมีตัณหาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่ต้องไปพยายามให้มีเพิ่มขึ้นอีกโดยปฏิบัติด้วยตัณหา แต่หมายความว่าทุกคนย่อมมีตัณหาอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีปัญญาก็จะไม่สามารถปฏิบัติทางที่จะทำให้ดับตัณหานั้นได้เลย เพราะฉะนั้น ไม่ใช่อาศัยตัณหาอบรมเจริญไปแล้วก็จะเกิดปัญญาที่จะทำให้ดับตัณหา แต่ความจริง คือ เพราะเหตุว่ามีตัณหา จึงมีการอบรมเจริญปัญญาเพื่อดับตัณหา นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.
ขออนุโมทนาค่ะ
ในภิกขุนีสูตรท่านแสดงไว้ว่า ร่างกายนี้เกิดมาด้วยตัณหา เธอพึงอาศัยตัณหาละตัณหาเสีย ร่างกายนี้เกิดเป็นมาด้วยอาหาร เธอพึงอาศัยอาหารละอาหารเสีย พิจารณาอาหารก่อนจึงบริโภคไม่ใช่บริโภคเพื่อเล่น มิใช่เพื่อเมา มิใช่เพื่อประดับ เพียงเพื่อระงับความหิว เพื่อมีชีวิตอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ