ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันอังคารที่ ๒๘ และวันพุธที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร
ได้เดินทางไปยัง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง
สำหรับการสนทนาธรรมที่ จ. เชียงใหม่นั้น จัดขึ้นปีละ ๒ ครั้ง ระหว่างต้นปี กับกลางปี
ทางชมรมบ้านธัมมะ มศพ. จ. เชียงใหม่ได้ร่วมใจกันเจริญกุศล
จัดการสนทนาธรรมเป็นประจำทุกปี
เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งเป็นขณะที่มีค่าอย่างยิ่งในชีวิต
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สะสมเหตุที่ดีมา มีศรัทธาเห็นประโยชน์ของพระธรรม
ได้ฟังได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แพร่หลายยิ่งขึ้น
วันนี้ เป็นวันแรกของการสนทนาธรรม ท่านอาจารย์ได้เน้นย้ำถึงสิ่งที่มีจริงๆ
นั้นก็คือ มีจริงๆ ในขณะนี้ เช่น เห็น มีจริงๆ สิ่งที่ถูกเห็น มีจริงๆ เป็นธรรม
ไม่ใช่เราไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ขออนุญาตประมวลสาระสำคัญที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้
เป็นการเก็บเล็กผสมน้อย ซึ่งเป็นข้อความประโยคสั้นๆ
มาฝากผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกันทุกๆ ท่านได้อ่าน และพิจารณาร่วมกัน ดังต่อไปนี้
(บันทึกภาพโดย บุญยวีร์ รัชนี สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๑๒๓๔)
-ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ -สิ่งที่มีจริงๆ มีจริงในขณะนี้ ไม่ต้องไปหาที่อื่น -เห็น มีจริงๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็มีจริงๆ จำเป็นต้องสนทนาในเรื่องนี้
เพราะมีจริงๆ -ขณะที่คิด ไม่มีเห็น แสดงถึงความเป็นจริงของธรรมที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งๆ -ไม่มีเรา แล้วมีอะไร? ไม่มีเรา แต่มีสิ่งมีมีจริงๆ แต่ละหนึ่ง
-ตั้งแต่เกิดจนตาย เข้าใจถึงความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวันอะไรสักอย่างหรือเปล่า?
-การฟังพระธรรม เป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้
-มีเห็น มีได้ยิน ก็ต้องฟังพระธรรมต่อไป จนกว่าจะเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
-เพราะบุญที่ได้กระทำมาแล้วตั้งแต่ชาติปางก่อน จึงทำให้มีศรัทธา
เห็นประโยชน์ ที่จะฟังที่จะศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งๆ ขึ้นไป
-ใครฟังธรรมวันนี้แล้ว ประจักษ์แจ้งในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมเลยจะเป็นไปได้อย่างไร แต่ก็เป็นการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ต่อไป
-สิ่งที่เคยมีในชาตินี้ ไม่สามารถติดตามไปในชาติหน้าได้เลย
-อยากที่จะประจักษ์แจ้งความจริงของธรรม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะ อยาก เป็นอกุศล ไม่ทำให้ประจักษ์แจ้งความเป็นจริงของธรรมได้เลย
-ธรรม เป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน) เป็นจริง ทุกกาละสมัย จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็น ธรรม เป็น อัตตา (ตัวตน) ได้เลย, พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นจริงโดยตลอด
-ต้องเป็นผู้ตรงต่อความเป็นจริงของธรรม คือ ทุกขณะในขณะนี้ มีแต่ธรรมเกิดขึ้นเป็นไปโดยตลอด เกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลย
-สภาพธรรมเกิดดับไปหมดแล้ว แต่ความติดข้องยินดีพอใจยังสืบต่อจนมาถึงขณะนี้ ที่จะเป็นเหตุให้เกิดความติดข้องยินดีพอใจ อีก
-เข้าใจ เป็น เข้าใจ ติดข้อง เป็น ติดข้อง
-สะสมการละคลายความไม่รู้ ย่อมทำให้มีการละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล
-สอนให้ติดข้อง ไม่ใช่ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สอนให้ไม่รู้ ก็ไม่ใช่ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
-ความเป็นจริงของธรรม ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ตาม
-ฟังไป เข้าใจไป สะสมไป ค่อยๆ ขัดเกลาความไม่รู้
-ถ้าไม่มีสภาพธรรมเลย จะมีสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้ไหม?
-จะไถ่ถอนการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ได้ ก็ต้องฟังพระธรรมให้เข้าใจ
-มีคำไหนที่ไม่จริงบ้าง ในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง? ไม่มีเลย เพราะจริงโดยตลอด เมื่อได้ฟังได้ศึกษาก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น
-พระธรรม ยิ่งฟัง ยิ่งเข้าใจ และก็จะเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ
-นิมิต หมายถึงเครื่องหมายของสภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วทำให้หมายรู้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด
-ฟังพระธรรม นิดเดียว แล้วคิดเองต่อ ก็ย่อมผิดทั้งหมด
-สิ่งที่ปรากฏให้จิตกำลังรู้ นี้คือ อารมณ์
-อยากจะเอาไปทำไมสำหรับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก
-จะรู้ถึงความละเอียดลึกซึ้งของพระธรรม ไม่ใช่ด้วยอย่างอื่น แต่ต้องด้วยปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก
-จะมีปัญญาเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงโดยไม่ได้ฟังพระธรรม เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น ผู้ที่เป็นสาวกจึงต้องได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
-สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่จิต และจิตก็มีหลายประเภท ไม่ได้มีเพียงประเภทเดียว
-เมื่อยังไม่รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็ต้องฟังพระธรรมก่อน
-ขณะนี้ มีขันธ์ (สภาพธรรมที่เกิดดับ ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่า) เห็น ก็เป็นขันธ์ สิ่งที่ปรากฏทางตาก็เป็นขันธ์ เป็นต้น
-มีแต่ความไม่รู้และความติดข้องอยู่ตลอด ถ้าไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
-มีเวลาที่จะได้ฟังพระธรรม ก็ฟังพระธรรม แม้ว่าจะมีการฟังเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากเวลาที่ได้ฟังพระธรรม แต่ก็สามารถเข้าใจถึงความเป็นจริงของธรรมที่เป็นอนัตตา ซึ่งเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ได้
-อยากละกิเลส แต่ไม่รู้ว่ากิเลสคืออะไร อยู่ที่ไหน แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะแม้ในขณะนี้ ที่เห็นแล้วไม่รู้ความจริง ก็เป็นกิเลส แล้ว คือ อวิชชา ความไม่รู้
-สาระสำคัญของชีวิตไมได้อยู่ที่กิน นอน นอน กิน ติดข้อง แล้วก็ตายไป
แต่อยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก.
ขอเชิญติดตามอ่าน เก็บเล็กผสมน้อย สนทนาธรรมที่อิมพีเรียลแม่ปิง วันที่สองของการสนทนาธรรมได้ที่นี่เร็วๆ นี้ ครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-สาระสำคัญของชีวิตไมได้อยู่ที่กิน นอน นอน กิน ติดข้อง แล้วก็ตายไป แต่อยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก.
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนา วิทยากรทุกท่าน และ ผู้ที่มีศรัทธา
และ อ.คำปั่น ที่แบ่งปันธรรมดีๆ มาให้อ่านกัน ครับ
รออ่าน เก็บเล็กผสมน้อย ตอนต่อไป ครับ
สาธุ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และคณะวิทยากรรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
ขออนุโมทนาขอบคุณอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย เป็นอย่างยิ่ง
ที่ให้ท่านสมาชิกที่ไม่มีโอกาสได้ไป ได้อ่านและพิจารณาความธรรมะ
ที่ท่านอาจารย์ได้สนทนา ที่เชียงใหม่ครั้งนี้ได้รวดเร็วมากครับ
ทั้งขอขอบคุณน้องบุญยวีร์ รัชนี สำหรับภาพถ่ายสวยงาม ทุกขั้นตอน น่าประทับใจครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในวิริยะกุศลของคุณคำปั่น อักษรวิลัยที่กรุณาประมวลสาระสำคัญไว้อย่างครบถ้วน
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของวิทยากรและผู้ร่วมสนทนาธรรมทุกท่านคะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาไ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ