ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ชาติ”
คำว่า ชาติ เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง อ่านตามภาษาบาลีว่า ชา - ติ แปลว่า การเกิด ซึ่งหมายถึง การเกิดขึ้นของธรรมที่เป็นนามธรรม และรูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ สำหรับในวันนี้ จะขอกล่าวถึงชาติ ในความหมายที่เป็นความเกิดของจิต (รวมถึงเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ว่ามีด้วยกัน ๔ ชาติ คือ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศล เป็นกุศลชาติ จิตเกิดขึ้นเป็นอกุศล เป็นอกุศลชาติ จิตเกิดขึ้นเป็นวิบาก เป็นวิบากชาติ จิตเกิดขึ้นเป็นกิริยา เป็นกิริยาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่สำคัญก็คือ ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งเป็นขณะที่ประเสริฐ เป็นไปเพื่อระงับภัยคืออกุศล เป็นมิตรแท้ที่จะติดตามไปในภายหน้า เป็นเครื่องขัดเกลาอกุศลของตนเองได้ ดังข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า
“ดูกร พราหมณ์ ธรรมดาบัณฑิตทั้งหลาย ทำกุศลอยู่ คราวละน้อยๆ ทุกๆ ขณะ ย่อมนำมลทิน (สิ่งสกปรกเศร้าหมอง) คือ อกุศลของตน ออกโดยลำดับทีเดียว”
ตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงชาติ (ความเกิด) ของจิต ว่ามี ๔ ชาติ ได้แก่ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศล ๑ จิตเกิดขึ้นเป็นอกุศล ๑ จิตเกิดขึ้นเป็นวิบากคือผลของกรรม ๑ และ จิตเกิดขึ้นเป็นกิริยา คือ ไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่ผล เป็นแต่เพียงเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ของตนแล้วก็ดับไปเท่านั้น ๑ ซึ่งจิตทั้ง ๔ ชาติ ก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน
จะเห็นได้ว่าในชีวิตปกติประจำวันของผู้ที่ยังมีกิเลสนั้น ย่อมมีจิตเกิดขึ้นเป็นไปใน ๔ ชาติ ดังกล่าว โดยเฉพาะอกุศล ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยและเกิดมากกว่ากุศล เพราะเหตุว่า เมื่อไม่กล่าวถึงขณะจิตที่เป็นกุศล ขณะจิตที่เป็นการได้รับผลของกรรม และขณะที่จิตเป็นกิริยาแล้ว นอกนั้นเป็นอกุศลทั้งหมด ยกตัวอย่าง เช่น ขณะที่ติดข้องยินดีพอใจ ขณะที่มีความเกลียดชังกัน โกรธขุ่นเคืองใจ ขณะที่ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นต้น ขณะนั้นเป็นอกุศลทั้งหมด ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นการสะสมเหตุที่ไม่ดี และเมื่อสะสมมีกำลังมากขึ้นก็ล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ ได้
ขณะที่อกุศลเกิดขึ้นนั้น ภัยภายในเกิดขึ้นแล้ว และยังจะเป็นเหตุให้ได้รับภัยคือผลของอกุศล ด้วย แล้วจะแก้ไขอย่างไร จะช่วยชาติคือความเกิดของจิตให้พ้นภัยได้อย่างไร ถ้ายังไม่มีปัญญาที่จะรู้ปัญหาหรือต้นเหตุที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้นขึ้น แม้จะพยายามแก้ไขสักเท่าไหร่ก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะไม่ได้รู้ว่าเหตุที่แท้จริงมาจากไหน ภัย คือ สิ่งที่น่ากลัวที่เป็นอันตรายที่ทำร้าย ซึ่งไม่มีใครต้องการเลย แต่เกิดมาแล้วจะเป็นอย่างไร อยู่ที่เหตุ ทุกคนก็สามารถพิจารณาได้ว่า ระหว่างความดีกับความชั่ว อะไรดี อะไรประเสริฐ? ก็ต้องเป็นความดีอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องเป็นผู้มีความมั่นคง ตรง และจริงใจ ธรรมดาจริงๆ อกุศลเกิดเร็วมาก เราอาจจะคิดไม่ถึงเลยว่านั่นเป็นอกุศล แต่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้นเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง
เมื่อเริ่มศึกษาพระธรรมก็จะพอเข้าใจแล้วว่า ขณะไหนเป็นอกุศล เดี๋ยวนี้ก็มี แม้จะยังไม่ถึงการกระทำทุจริตกรรมใดๆ ถ้าไม่รู้สภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ก็เป็นอวิชชา เป็นโมหะ เป็นความไม่รู้ ซึ่งเป็นรากเหง้าของอกุศลธรรมทั้งหลาย อกุศลธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะมีความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ช่วยให้ไม่เป็นอกุศล ช่วยไม่ให้อกุศลเกิด นั่นคือช่วยแล้ว เป็นการช่วยที่เหตุ เมื่อเหตุคืออกุศลไม่เกิด ผลของอกุศลก็ไม่มี พ้นภัยแล้วในขณะนั้น และภัยก็มีหลายอย่าง ภัยในชาตินี้ก็เห็นกันอยู่ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ อุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น แต่ภัยหลังจากที่ละจากโลกนี้ไปแล้ว น่ากลัวมาก ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม จะทำให้เกิดในอบายภูมิ ทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานความเดือดร้อนมากมาย เพราะฉะนั้น ก็ช่วยตั้งแต่ไม่ให้อกุศลเกิดจนกระทั่งช่วยให้พ้นจากภัย คือ จากโลกนี้ไแล้วไม่ไปเกิดในอบายภูมิ นี้คือการช่วยชาติให้พ้นภัย เพราะฉะนั้น อะไรที่จะช่วยให้พ้นภัยได้อย่างแท้จริง ก็คือ พระธรรมคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะทำให้รู้ความจริงในเหตุในผลของธรรมตามความเป็นจริง
สรุปได้ว่า ช่วยชาติให้พ้นภัย คือ ช่วยให้ไม่เป็นอกุศล และช่วยให้พ้นจากภัยคือการเกิดในอบายภูมิ ซึ่งเป็นชีวิตของแต่ละคนจริงๆ ช่วยจากที่มีอกุศลจิต (อกุศลชาติ) แล้วให้น้อมไปในทางที่เป็นกุศล มีกุศลจิต (กุศลชาติ) เกิดขึ้นเป็นไป ถ้าแต่คนแต่ละหนึ่งเป็นอย่างนี้ คือ เป็นกุศล ก็พ้นภัยทั้งนั้นเลย แต่ถ้ามีแต่อกุศลมากๆ แล้วจะให้พ้นภัยได้อย่างไร เหตุกับผลต้องตรงกัน เพราะฉะนั้น เกิดมาแล้ว ควรที่จะมีที่พึ่ง คือ มีพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พึ่งด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาให้เข้าใจ จะเห็นได้ว่า คุณประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้นเมื่อได้เข้าใจพระธรรม เริ่มตั้งแต่ความดีเจริญขึ้นในชีวิตประจำวันจนกระทั่งถึงสามารถดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ในที่สุด.
อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ
ขออนุโมทนาครับ