ก่อนฟังพระธรรมมักใช้คำว่าสติผิด เช่นเมื่อมีเรื่องยุ่งวุ่นวายในชีวิตก็ให้ตั้งสติก่อน ขับรถให้มีสติ เป็นต้น แต่เมื่อศึกษาแล้ว จึงทราบว่า สติ หมายถึง
เชิญคลิกอ่าน ....
สติเจตสิก
สติก็เป็นหนึ่งในโสภณเจตสิก เป็นเจตสิกที่ระลึกเป็นในทางกุศล เช่น สติที่ระลึกถึง คำพูดที่ว่า จะให้อะไรใคร ก็ให้ตามที่พูด แม้ว่าจะพูดไปนานแล้วก็จำได้ค่ะ ฯลฯ
"สติ" ในภาษาไทย เรามักจะใช้พูดกับผู้อื่นในภาวะที่คิดว่าเรารู้ตัว เป็นปรกติอยู่ ไม่ประมาท แต่ในความหมายข้างต้นเป็นการรู้ว่า ยังมีตัวตนทั้งแท่ง ที่อยู่ในอิริยาบถนั้น แล้วได้กระทำกิจกรรมต่างๆ ครับ ซึ่งต่างจากตัวจริงของสติลิบลับ เพราะสติต้องเกิด ร่วมกับจิตฝ่ายดีงาม หรือโสภณจิตเท่านั้น สติจะไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย เพราะฉะนั้น การได้ศึกษาพระธรรม ก็ได้ช่วยให้เราเป็นผู้ที่ละเอียดขึ้น เกิดการคิดไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ ก่อนจะพูดถึงคำที่เราไม่รู้ความหมาย มีการอ้างอิงหลักฐาน มีเหตุผล ไม่บิดเบือนความจริง และไม่เผินเหมือนแต่ก่อน ส่วนในยามอื่นๆ เราก็พูดจาปราศรัย กันด้วยภาษาทั่วไปในชีวิตประจำวันตามปรกติครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ