ในโอกาสที่เห็นชาวพุทธไปนมัสการสังเวชนียสถานในอินเดีย เนปาลแล้วก็เกิด
ปรารถนาไปบ้างแต่ด้วยสภาพการเดินทางที่อินเดีย เนปาล บางแห่งทุรกันดาร จิตใจ
เราเกรงว่าตนจะไปคิด และกระทำสิ่งอกุสล ณที่นั้นๆ เช่น บ่นว่า คิดรังเกียจเช่นนี้ ท่าน
วิทยากรจะช่วยชี้แนะ ให้ เราไปกราบสังเวชนียสถานอย่างไร จึงจะไม่เกิดอกุสลและได้
กุสลมากๆ ควรเตรียม สิ่งใดไปสักการระ สังเวชนียสถานคะ ถ้าไปหน้าหนาว 10 วันควร
เตรียมเสื้อผ้า อาหาร น้ำดื่ม ของส่วนตัวที่จำเป็นอะไรบ้าง ต้องเตรียม เครื่องบูชาอะไร
บ้าง สิ่งสำคัญจะเตรียมใจอย่างไรไม่ให้เกิดอกุสลตลอดทางไปกลับดีคะ
ขออนุโมทนา สาธุด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
1. เป็นสถานที่ที่บุคคลผู้เลิศที่สุดได้ทรงอุบัติ (ประสูติ) 2. สถานที่ที่บุคคลหนึ่งดับกิเลสไม่มีเหลือเลยด้วยตนเอง ยากแค่ไหน ที่กิเลส
มีมากมายมหาศาล แต่ ณ สถานที่ตรงนั้นบุคคลหนึ่งดับกิเลสหมด บริสุทธิ์สิ้นเชิง ที่สำคัญได้เป็นบุคคลที่สูงสุด (เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ต้นโพธิ์) ประกอบด้วยพระญาณ (ปัญญา) เปรียบมิได้ และพระมหากรุณาคุณที่จะช่วยสัตว์โลก 3. สถานที่อีกแห่ง คือ สถานที่ที่มีผู้บรรลุตามพระองค์ ถ้าไม่มีผู้บรรลุตาม คำสอนของพระองค์ ก็ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าดับกิเลสได้จริง แต่สถานที่นั้น มีประจักษ์พยานที่ สามารถดับกิเลสตามได้ เป็นสถานที่มหัศจรรย์แค่ไหน 4. สถานที่สุดท้ายคือ ที่พระองค์์ดับขันธปรินิพพาน ซาบซึ้งจริงๆ คิดดูนะ จากที่
เวียนว่ายตายเกิดมาจนนับประมาณไม่ได้ แต่มีบุคคลหนึ่งซึ่งดับกิเลสหมดแล้วและ
ปรินิพพาน ดับขันธ์ไม่เหลือไม่ต้องเกิดอีกเลย ซึ่งความเกิดนำมาซึ่งทุกข์ทั้งปวง ดัง
นั้น ตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์ ยอมสละชีวิต บุตร ภรรยา ก็เพื่อดับความเกิด และช่วย
สรรพสัตว์ ณ สถานที่ตรงนี้เอง ที่บุคคลผู้เลิศได้ดับขันธปรินิพพาน ไม่ต้องเกิดอีก
เลย เป็นสถานที่ที่อัศจรรย์จริงๆ เกร็ดเล็กน้อยกับสังเวชนียสถาน 1. ทั้งสถานที่ทั้ง 4 แผ่นดินไหวได้เกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์แต่ละแห่งเกิดขึ้น 2. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละ
2.1. ที่ตรัสรู้ (โพธิบัลลังค์) พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ ณ จุดเดียวกันเสมอ2.2. ที่แสดงพระธรรมจักร คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ประกาศธรรมจักรที่เดียวกันจุดนั้น2.3. สถานที่วางแท่นปรินิพพาน ที่ต้นสาละคู่ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรง
ละที่ตรงนั้น ที่เดิมเสมอ
3. จุดที่โพธิบัลลังค์ ไม่มีใครสามารถจะบินหรือเหาะ ข้ามจุดนั้นไปได้เพราะเป็น
สถานที่อันประเสริฐ ถ้าจะบิน เหาะ ข้ามไปก็ไม่ใช่จุดที่เป็นโพธิบัลลังค์ 4. เป็นเครื่องให้ระลึก สังเวชว่า แม้เราก็ต้องเกิด และตายแม้พระพุทธองค์ก็
ทรงต้องเกิด และปรินิพพาน ควรตั้งใจศึกษาธรรม 5. เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส
สำหรับความเป็นปุถุชน เป็นธรรมดาที่อกุศลย่อมเกิดมากเป็นธรรมดา ไม่ว่าสถานที่
ไหน เมื่อไหร่ เวลาใด อกุศลจิตเกิดได้ครับ ซึ่งสำหรับการไปสังเวชนียสถาน อันเป็น
สถาน ที่อันควรแก่การสังเวช ที่ไม่ใช่สลดใจ หดหู่ แต่สังเวชด้วยปัญญา เมื่อเห็น
สถานที่ทั้ง 4 อันเป็นปัจจัย เมื่อเห็นสถานที่เหล่านั้นแล้ว เกิดกุศลจิตและเกิดปัญญา
และที่สำคัญเมื่อเกิดความสังเวชด้วยปัญญาแล้วก็ อบรม ปรารภความเพียรที่จะอบรม
ปัญญา น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและเจริญกุศลทุกประการครับ นี่คือประโยชน์
ของการเห็นสังเวชนียสถานครับ
ดังนั้นอกุศลจิตที่เกิดขึ้น หรือ การบ่นนั้น ขณะนั้นไม่ใช่เครื่องบูชาที่สมควร แต่ก็
ไม่ได้หมายความว่า ขณะนั้น มีเจตนาลบหลู่ สังเวชนียสถานครับ เพราะเป็นเพียง
อกุศลจิตที่แสดงออกมาทางกายและวาจาครับ :ซึ่งคงเป็นไปไมได้ว่าเมื่อไปสังเวชนีย
สถานที่อินเดียจะไม่เกิดอกุศลจิตครับ แต่ ในบางขณะ ก็สามารถเกิดกุศลจิต น้อมบูชา
ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ กุศลจิตที่มีความเห็นถูก
ประกอบด้วยปัญญานั้นเองเป็นเครื่องบูชาอันสูงสุด ที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ อัน
เป็นธรรมบูชา ปฏิบัติบูชาครับ การไปสังเวชนียสถาน จึงไม่เพียงแค่ไปไหว้ เท่านั้น
แต่ควรเป็นผู้น้อมประพฤติปฎิบัติตามพระธรรมด้วยครับ
ส่วนเรื่องการเตรียมตัวในการเดินทางไปประเทศอินเดีย ก่อนไปควรศึกษา ฟังพระ
ธรรม อบรมปัญญาให้เป็นปกติ และอ่านประวัติของพระพุทธเจ้าและพระธรรมส่วนอื่นๆ
ที่เกี่ยวกับสังเวชนียสถานทั้ง 4 เพราะเมื่อมีความเข้าใจถูก ปัญญาเจริญแล้ว กาย วาจา
และใจ ย่อมเป็นไปอย่างเหมาะสมในสังเวชนียสถานทั้ง 4 และย่อมน้อมประพฤติปฏิบัติ
ตามพระธรรม อันสมควรแก่ความเข้าใจ เมื่อศึกษาพระธรรมในส่วนต่างๆ และในเรื่อง
สังเวชนียสถานแล้วก็จะไปด้วยความเห็นถูก แต่ไม่ใช่ไปด้วยการเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
อย่างหนึ่งครับ ดังนั้นก่อนไปก็ควรศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเป็นสำคัญครับ เพราะ
ปัญญาเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจในสิ่งที่เห็น ไม่ว่าที่ใดครับ
ของที่เตรียมไป หน้าหนาว อินเดีย หนาวมากครับ ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวที่หนา
เตรียมที่ปิดจมูก ฝุ่นจะเยอะนะครับ เตรียมยาที่จำเป็นทุกอย่าง ระวังเรื่องการดื่มน้ำ
ควรทานน้ำขวดที่แพ็คอย่างดี อาหาร ควรเตรียมอาหารแห้ง น้ำพริกไปด้วยนะครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ... อินเดีย ... ที่พักใจ ๒
ธรรมเตือนใจ เมื่อไปอินเดียและที่ต่างๆ !
ส่วนการเตรียมใจ ก็ตามที่กล่าวแล้วครับ ก็ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม และเครื่อง
บูชาที่ดีเลิศ คือ กุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญาและความเข้าใจที่ถูกต้องครับ และน้อม
ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมเป็นสำคัญที่สุด อันเป็นการบูชาอันสุงสุดครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ถ้าจะห้ามอกุศลจิตไม่ให้เกิดที่อินเดียได้ ห้ามซะตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือค่ะ
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ให้อกุศลจิตเกิด เมื่อยังมีพืชเชื้อของอกุศลอยู่
ดังนั้น จะดีกว่ามั้ยค่ะ ถ้าเราอาศัยอกุศลจิตที่เกิดขึ้น พิจารณาถึงโทษภัย
ถึงความเป็นธรรมของอกุศลนั้นๆ ขณะนั้นปัญญาก็เจริญขึ้นพร้อมกับความละอายใจ
ก็จะทำให้สำรวมระวังเพิ่มขึ้นเองค่ะ
สำหรับการเตรียมตัวในการเดินทาง แนะนำให้จัดลำดับจากสิ่งที่จำเป็นมากไปหาน้อย
ค่ะ (เพราะความจำเป็นของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน) สิ่งใดที่สามารถหาซื้อเอาได้ข้าง
หน้า ก็อย่าหอบหิ้วไปให้พะรุงพะรังเป็นภาระเลยค่ะ อินเดียเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาไปไกล
ไม่กันดารเหมือนก่อนแล้ว ข้าวของบางอย่างก็ถูกและดีกว่าบ้านเราอีกค่ะ ไม่อยากให้
วิตกกังวลใจจนเกินไป จะทำให้ศรัทธาถอยนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น สังเวชนียสถาน เป็นสถานที่อันบุคคลผู้มีศรัทธาพึงไป เป็นสถานที่มีจริงๆ ซึ่งมีในโลกมนุษย์เท่านั้น ไม่มีในสวรค์และไม่มีในพรหมโลก สถานที่ดังกล่าวนั้น คือ สถานที่พระโพธิสัตว์ประสูติ ซึ่งจะเป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ไม่มีการเกิดในภพใหม่อีกต่อไป สถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ สถานที่ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก และสถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเ็สด็จดับขันธปรินิพพาน นอกจากนั้นพุทธสถานอื่น ๆ ก็ควรได้ไปกราบนมัสการเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนั้น เพื่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรม ขัดเกลากิเลสของตนเอง ไม่ควรคำนึงถึงความลำับากจนเกินไป เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้ลำบากสักเท่าใด เพราะถ้ามีความตั้งใจที่จะไป และ มีการเตรียมตัวอย่างดี พร้อมทั้งกาย พร้อมทั้งใจ แล้ว ย่อมไม่มีอะไรที่จะมาขัดขวางในการเจริญกุศลครั้งนี้ไ้ด้เลย สำคัญ คือ ความตั้งใจจริง น้อมบูชาจริงๆ พร้อมด้วยการอบรมเจริญปัญญา และในการไปแต่ละครั้งในโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่ศึกษาพระธรรมร่วมกันด้วยแล้ว แต่ละคนแต่ละท่านล้วนเป็นผู้มีจิตใจทีีดีงาม พร้อมทีจะให้ความช่วยเหลือ อยู่เสมอ คงจะได้เห็นน้ำใจ (ท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจด้วยคำพูดที่ไพเราะมาก ว่า น้ำที่กลั่นจากใจ) ของสหายธรรมที่เดินทางร่วมกัน รวมถึงตนเองก็จะต้องพร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่น เช่นเดียวกันด้วยครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาทุกท่านค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ยินดีกับท่านเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับที่จะได้ไปนมัสการสังเวชนียสถานที่อินเดีย และเนปาล ไปเถอะครับหากไปด้วยศรัทธา ความปิติอิ่มใจรับรองมีให้ท่านได้นำกลับมาสู่เมืองไทยแน่นอนครับ ที่อินเดียปิติเกิดขึ้นได้บ่อยมากครับ สำหรับผมไป 4 ครั้งแล้ว น้ำตาแห่งความปิติยังไหลทุกครั้งครับ ไม่ว่าจะเป็นที่ลุมพินีวัน ที่กุสินารา หรือที่เขาคิชฌกูฎ แต่แปลกที่พระศรีมหาโพธิ์ผมเฉยๆ อาจเพราะมีผู้คนพลุกพล่านในตอนกลางวัน สำหรับตอนกลางคืนหากประสงค์ที่จะปฏิบัติธรรมอยู่ในนั้นก็ได้แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จำไม่ได้ว่าเป็นเงินเท่าใด ผมเคยขอปฏิบัติธรรมตอนกลางคืน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมเพราะเตรียมตัวไม่พร้อม การเตรียมตัวจะต้องเตรียมสำเนาหนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวประชาชน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ไฟฉาย สำหรับกลดมุ้งหน้าทางเข้ามีขาย และอื่นๆ ที่จำเป็น เม่ือค้างแล้วเราไม่สามารถเปลี่ยนใจกลางคัน เพราะเจ้าหน้าที่จะปิดประตูไม่ให้เข้าออกจนกว่าจะรุ่งเช้าครับ ในครั้งต่อไปผมจะพยายามอยู่ปฏิบัติธรรมให้ได้ ผมว่าผมน่าจะได้ปิติจนน้ำตาไหลอีกแหละครับ
ขออนุโมทนาในบุญที่ท่านจะได้ไปแสวง ณ สังเวชนียสถานทั้งสี่ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ