ปัญญาเป็นโสภณธรรมที่เกิดกับจิต ซึ่งพัฒนาไปตามลำดับโดยสอดคล้องกันตั้งแต่
ขั้นปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ
ปัญญาเป็นสภาพที่เข้าใจ รู้แจ้ง ไม่สงสัย ดังนั้น ผู้มีปัญญาขั้นฟัง (ปริยัติ) จะมีความ
เข้าใจในพระธรรมที่ทรงแสดง ผู้มีปัญญาขั้นสติปัฏฐาน (ปฏิบัติ) จะระลึกรู้ลักษณะของ
รูปธรรมและนามธรรมที่กำลังปรากฎ โดยสอดคล้องกับความเข้าใจในขั้นฟัง และเมื่อ
อินทรีย์อันเป็นเหตุ แก่กล้าและมีกำลังแล้ว ผลก็คือการบรรลุอริยสัจธรรมเป็นพระ
อริยบุคคล หมดความสงสัยในธรรมและในหนทางอันนำไปสู่พระนิพพานครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เชิญคลิกอ่าน...
การเจริญสติปัฏฐาน๔ [โกสลสูตร] ขออนุโมทนาค่ะ
ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญกุศลที่เกิดจากการตอบกระทู้นี้
จงสำเร็จแก่ทุกท่านที่ตอบกระทู้ และขอให้ทุกท่านฯ ดังกล่าว ได้มีปัญญาอันเป็นเลิศ เทอญ.
ขออนุโมทนา ครับ.
สติต้องเกิดกับธรรมหลายอย่าง ธรรมะที่เป็นฝ่ายกุศล ถ้าสติมีกำลังมากขึ้น สติก็ระลึก
ไปในกุศลมากขึ้น แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศลขึ้นไหน เช่น ขั้นทาน ขั้นศีล หรือขั้นภาวนา
กิเลสมีมากยังไม่ได้ดับเลย ต้องอบรมปัญญาอีกนานจนถึงดับกิเลสเป็นสมุจเฉทค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด
เจริญสตินั่นคือสติเจริญ เกิดขึ้นรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา สติเกิด
ปัญญาเกิดร่วมด้วย เห็นตามความเป็นจริงเมื่อสติปัฏฐานเกิดบ่อยขึ้น ย่อมรู้ทั่ว รู้ชัดทั้ง
หกทวารคือทางตา หู..ใจ ตามความเป็นจริง เมื่อรู้ตามความเป็นจริงย่อมประจักษ์ชัดว่า
เป็นนามธรรมและรูปธรรมอย่างชัดเจนด้วยปัญญาที่เกิดจากสติปัฏฐานเกิดบ่อยๆ เนืองๆ
และเมื่อปัญญาเจริญขึ้นก็ต้องเป็นไปตามลำดับย่อมเห็นตามความจริงของสภาพธรรม
ที่ไม่เที่ยงเกิดขึ้นและดับไปในขณะนี้ จนปัญญาคมกล้า ก็สามารถดับกิเลสอันเป็นไป
ตามลำดับถึงความเป็นพระอริยบุคคลและดับกิเลสได้จนหมด
สำคัญที่สุดคือเริ่มจากเหตุที่ถูกต้อง ว่าสติรู้อะไร ปัญญารู้อะไร ตามความเป็นจริงใน
ขณะนี้ ถ้าเหตุถูกผลย่อมถูกแน่นอน ขออนุโมทนา