ถาม คนที่ต้องคิดเรื่องเงินทั้งวัน จะมีสติระลึกรู้ลักษณะของ นามธรรมและรูปธรรมได้ไหม
ตอบ วันหนึ่งๆ ท่านจับเงินบ้างหรือเปล่า
ถาม ทุกคนจับ เป็นธรรมดาของชีวิต
ตอบ เวลาดูเงินไม่ควรเจริญสติหรือ ท่านคิดว่ามีอะไรบ้างที่ ไม่ใช่สติปัฏฐาน
ถาม เวลาดูเงินก็เห็นสี เวลาสัมผัสก็มีลักษณะที่อ่อนหรือแข็ง แต่ถ้าระลึกรู้เพียงลักษณะเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นธนบัตรชนิดใด อีกไม่นานก็จะยากจน ถึงจะเชื่อแล้วว่าการเจริญสติปัฏฐานมีประโยชน์มาก แต่ก็ยังถือว่าเป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากชีวิต ดิฉันจะดำเนินชีวิตสองทาง ชีวิตที่เจริญสติปัฏฐานจะเป็นส่วนใหญ่ที่บ้านเวลาอยู่คนเดียว และชีวิตด้านการงานนั้น ก็จะต้องเป็นการงาน
ตอบ ท่านคิดหรือว่า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า มีขณะใดบ้าง ที่ไม่ควรเจริญสติ
ถาม แต่เจริญสติเสมอๆ ไม่ได้ อย่างเวลาที่หมุนรหัสตู้นิรภัยในที่ทำงานเป็นต้น ก็จะต้องคิดถึงเลขรหัส ถ้าจะรู้เพียงสภาพแข็ง ไหวหรือสี ขโมยก็จะเข้ามาเอาเงินไป ดิฉันคิดว่าขณะที่คิดนั้นเจริญสติปัฏฐานไม่ได้
ตอบ ถ้าอย่างนั้นยังเป็นตัวตนที่คิด ทำไมจะเจริญสติปัฏฐานไม่ได้ในขณะที่รู้ว่าเป็นธนบัตรชนิดใด และในขณะที่คิดถึงเลขรหัสของตู้นิรภัย มีอะไรหรือที่ไม่ใช่นามธรรมและรูปธรรม ดิฉันเห็นด้วยที่ท่านจะต้องให้งานเป็นงาน แต่ท่านคิดหรือว่าขณะนั้นเจริญสติปัฏฐานด้วยไม่ได้
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้นสามารถประพฤติปฏิบัติตามได้จริงๆ ใน อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต ทีฆชาณุสูตร พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมที่ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบันและในภายหน้าแก่กุลบุตร ธรรมประการหนึ่ง คือ อารักขสัมปทา ข้อความในพระสูตรมีว่า
“ดูกร พยัคฆปัชชะก็อารักขสัมปทาเป็นไฉน กุลบุตรในโลกนี้มีโภคทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สั่งสมด้วยกำลังแขน มีเหงื่อโทรมตัวชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เขารักษาคุ้มครองโภคทรัพย์เหล่านั้นไว้ได้พร้อมมูล ด้วยทำไว้ในใจว่า ไฉนหนอ พระราชาไม่พึงรีบบริโภคทรัพย์เหล่านี้ของเรา โจรไม่พึงลัก ไฟไม่พึงไหม้ น้ำไม่พึงพัดไป ทายาทผู้ไม่เป็นที่รักจะไม่พึงลักไป
ดูกร พยัคฆปัชชะ นี้เรียกว่า อารักขสัมปทาฯ
พระผู้มีพระภาคจะไม่ทรงสอนสิ่งที่ปฏิบัติไม่ได้ ควรเจริญสติระลึกรู้ไม่เฉพาะแต่อารมณ์ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เท่านั้น แต่จะต้องระลึกรู้อารมณ์ทางใจด้วย ที่จะไม่ให้รู้ว่าเป็นธนบัตรชนิดใดนั้นได้ไหม ความจริงเป็นอย่างนั้นหรือ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ