ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บางวาระเมื่ออตีตภวังค์เกิดและดับไปแล้วหลายขณะ ภวังคจลนะก็เกิดและดับไปหลายขณะ ภวังคุปัจเฉทะก็เกิดแล้วดับไป ปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดแล้วดับไป ปัญจวิญญาณดวงใดดวงหนึ่งเกิดแล้วดับไป สัมปฏิจฉันนจิตเกิดแล้วดับไป สันตีรณจิตเกิดแล้วดับไป โวฏฐัพพนจิตเกิดแล้วดับไป ๒-๓ ขณะ รูปก็ดับไป ชวนจิตจึงเกิดไม่ได้ วาระนั้นจึงเป็น “โวฏฐัพพนวาระ” เพราะวิถีจิตสิ้นสุดลงที่โวฏฐัพพนจิต สภาพธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริงเป็นอย่างนี้ ฉะนั้น เมื่ออารมณ์กระทบปสาทแต่ละวาระนั้น ไม่ใช่ว่าวิถีจิตจะต้องเกิดดับสืบต่อไปตลอดทั้ง ๗ วิถี เมื่อวิถีจิตไม่เกิดเลยก็เป็นโมฆวาระ เมื่อวิถีจิตสิ้นสุดที่โวฏฐัพพนะ ก็เป็นโวฏฐัพพนวาระ อารมณ์ของโวฏฐัพพนวาระเป็นปริตตารมณ์ คือ เป็นอารมณ์ของวิถีจิตเพียงเล็กน้อย โดยเป็นอารมณ์ของวิถีจิตเพียง ๕ วิถีจิตเท่านั้น
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ปรมัตถธรรมสังเขป
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ความจริงแห่งชีวิต
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ และ คุณแม่
ขอความกรุณา ช่วยยกตัวอย่างขณะที่เป็น "โวฏฐัพพนวาระ" และ "ปริตตารมณ์" ที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจำวันเพื่อเทียบเคียง ให้เกิดความเข้าใจ ตามข้อความดังกล่าวด้วยค่ะ และ ข้อความที่ว่า "โวฏฐัพพนจิต"เกิดขึ้น และ ดับไป ๒-๓ ขณะ
๒-๓ ขณะ หมายความว่าอย่างไรคะ.?
ขณะที่เป็น "โวฏฐัพพนวาระ" ส่วนใหญ่ท่านจะยกตัวอย่างในขณะที่นอนหลับอยู่ แล้วมีอารมณ์มากระทบ เช่น มีคนมาปลุก หรือเสียงฝนตกฟ้าร้อง รู้สึกตัวเพียงเล็กน้อย แล้วก็นอนหลับต่อ เป็นตัวอย่างที่กล่าวโดยกว้างๆ ซึ่งตัวโวฏฐัพพนะจริงๆ เรารู้ไม่ได้ หรือแม้แต่ "ปริตตารมณ์" ก็เช่นเดียวกัน ก็คืออารมณ์เล็กน้อย ไม่ชัดเจน เป็นปัจจัยให้วิถีจิตเกิดขณะจิตน้อย คำว่า ๒-๓ ขณะ ก็คือ แทนที่วิถีจะเป็นชวนวิถี อารมณ์มีอายุเหลือไม่มากพอ วิถีจิตก็เป็นโผฏฐัพพนะต่ออีก ๒ หรือ ๓ ขณะ ต่อจากนั้นก็เป็นภวังค์ต่อครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ