ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑
สกมานสูตร
เทวดากล่าวว่า เมื่อนกทั้งหลายพักร้อนในเวลาตะวันเที่ยง ป่าใหญ่ ประหนึ่งว่า ครวญคราง ความครวญครางของป่านั้น เป็นภัยปรากฏแก่ข้าพเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เมื่อนกทั้งหลายพักร้อน ในเวลาตะวันเที่ยง ป่าใหญ่ ประหนึ่งว่า ครวญคราง นั้นเป็นความยินดี ปรากฏแก่เรา
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๘๗
อรรกถา สกมานสูตร
วินิจฉัยในสกมานสูตรที่ ๕ ต่อไป
บทว่า ฐิ เต มชฺฌนฺติเก แปลว่า ในเวลาเที่ยงวัน
บทว่า สนฺนิสินฺเนสุ ได้แก่ อาศัยพักอยู่ในที่อันไม่เสมอกัน เพราะเข้าไปสู่ที่ตามความสบายอย่างไร อธิบายว่า ชื่อว่า เวลาเที่ยงวันนี้เป็นเวลาทุรพลแห่งอิริยาบถของสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่ในที่นี้ ท่านแสดงความทุรพลแห่งอิริยาบถของนกทั้งหลายเท่านั้น
บทว่า ปลาเตว ได้แก่ ดุจเสียงครวญคราง ดุจการเปล่งเสียงร้องใหญ่ ก็ในที่นี้ท่านกล่าวเอาเสียงที่รบกวนเท่านั้น เสียงนี้แหละเปรียบดังเสียงครวญคราง จริงอยู่ในฤดูร้อนเวลาเที่ยงวัน พวกสัตว์ ๔ เท้า และพวกปักษีทั้งหลาย มาประชุมกัน (พักเที่ยง) เสียงใหญ่ คือ เสียงแห่งโพรงต้นไม้อันลมเป่าแล้ว ด้วยแห่งปล้องไม้ไผ่ที่เป็นรูอันลมเป่าแล้ว ด้วยแห่งต้นไม้ซึ่งต้นกับต้นเบียดสีกัน และกิ่งกับกิ่งเบียดสีกันด้วย ย่อมเกิดขึ้นในท่ามกลางป่า เสียงครวญครางนั้น ท่านกล่าวหมายเอาเสียงใหญ่นี้
บทว่า ตํ ภยํ ปฏิภาติ มํ ความว่า ในกาลเห็นปานนั้น เสียงเช่นนั้น ย่อมปรากฏเป็นภัยแก่ข้าพเจ้า ได้ยินว่า เทวดานั้นมีปัญญาอ่อน เมื่อไม่ได้ความสุข ๒ อย่าง คือ ความผาสุกในการนั่ง ความผาสุกในการพูดของตนในขณะนั้น จึงกล่าวแล้วอย่างนี้ ก็เพราะในกาลเช่นนั้น เป็นเวลาสงัดของภิกษุผู้กลับจากบิณฑบาต แล้วนั่งถือเอากรรมฐานในป่าชัฏ แล้วความสุขมีประมาณมิใช่น้อยย่อมเกิดขึ้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายเอาคำอันใดว่า
พสุญฺญาคารํ ปวิฏฺฐสฺส สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโนอมานุส รตี โหติ สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตติ จปุรโต ปจฺฉโต วาปิ อปโร เจ น วิชฺชติอตีว ผาสุ ภวติ เอกสฺส วสโต วเนติ จ
เมื่อภิกษุเข้าไปสู่สูญญาคาร (เรือนว่าง) มีจิตสงบแล้ว ยินดีอยู่ในสิ่งที่มิใช่ของมนุษย์ จึงเห็นธรรมโดยชอบ ดังนี้ และคาถาว่า บุคคลอื่นข้างหน้า หรือว่าข้างหลัง ย่อมไม่ปรากฏเมื่อเป็นผู้เดียวอยู่ในป่า ความผาสุกย่อมเกิดได้โดยเร็วดังนี้
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสพระคาถาที่ ๒ บรรดาบทเหล่านั้น
บทว่า สา รติ ปฏิภาติ มํ อธิบายว่า ในเวลาเห็นปานนี้ ชื่อว่า การนั่งของบุคคลผู้เดียวอันใด นั้นเป็นความยินดีย่อมปรากฏแก่เรา คำที่เหลือ เช่นกับนัยก่อนนั่นแหละ
จบอรรถกถาสกมานสูตรที่ ๕
ลูกนกสองตัวเป็นพี่น้องกัน ตัวหนึ่งฤาษีเลี้ยงไว้ เป็นนกมีศีล พูดเพราะ สุภาพ ลูกนกอีกตัวหนึ่ง โจรเลี้ยงไว้ก็มีนิสัยหยาบกระด้าง ไม่มีศีลค่ะ
ผู้มีกิเลสเจอเหตุอย่างหนึ่ง ก็กล่าว วาจาด้วยความยินดีบ้าง ยินร้ายบ้าง เฉยๆ บ้าง ผู้หมดกิเลสเจอเหตุอย่างหนึ่ง ก็กล่าว วาจาด้วยความไม่ประมาทในเหตุนั้น
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาในความกรุณาของ "บ้านธัมมะ" ค่ะ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ