กราบเรียนถามค่ะ
เมื่อจิตคิดจะยก
อาการเกร็งตึง เกิดก่อน
หรือ ไหว เกิดก่อน คะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์ของการศึกษาธรรม คือ เพื่อเข้าใจถูกตามความเป็นจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ธาตุลม มีจริง มีลักษณะ ตึง หรือ ไหว ตึง กับ ไหว ก็คือ ลักษณะของธาตุลมเหมือนกัน จึงไม่มีอะไรเกิดก่อนใคร
และที่สำคัญปัญญาที่ถูกต้อง ไม่ใช่ไปพิจารณาว่าอันไหนตึง อันไหนไหว อันไหนเกิดก่อน แต่ขณะนี้สภาพธรรมอะไรปรากฎ ก็เป็นหน้าที่ของสติและปัญญาที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมโดยไม่เลือก เป็นอนัตตา สติปัญญาจะเกิดรู้อะไรก็เป็นอนัตตา และจะเกิด ไม่เกิดก็เป็นอนัตตาครับ
ขอให้เริ่มจากความเข้าใจในความเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ในขั้นการฟังให้มั่นคงก่อนครับ ก็จะดำเนินทางถูกในหนทางกาปฏิบัติที่ถูกต้อง แต่ ถ้ายังไม่เข้าใจในความเป็นอนัตตา ก็จะทำให้เดินทางผิดโดยไม่รู้ตัว เพราะคิดว่าจะทำ จะพิจารณา ลืมความเป็นอนัตตาหมดสิ้น อันเป็นคำสอนพระพุทธเจ้า ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธาตุลม หรือ วาโยธาตุ มีจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นสภาพธรรมที่ปรากฏทางกาย ขณะที่รู้ตรงลักษณะของธาตุลม ไม่มีชื่อ ไม่ได้คิดถึงชื่อหรือเรื่องใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่มีลักษณะของสภาพธรรมอย่างนั้นๆ ปรากฏตรงตามความเป็นจริง โดยปรากฏกับสติและปัญญาพร้อมกับสภาพธรรมที่ดีงามประการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปในขณะนั้น ทั้งหมดก็แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น และที่สำคัญ สภาพธรรม ไม่ได้มีเฉพาะ ธาตุลม เพียงอย่างเดียว ยังมีสภาพธรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่ควรศึกษาให้เข้าใจในความเป็นธรรมที่เป็นอนัตตา
เพราะยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งในมานานแสนนานสังสารวัฏฏ์ จึงต้องได้อาศัยแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะค่อยๆ ได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ