อยากขอความคิดเห็นของผู้ใฝ่ในธรรมหน่อยค่ะ ถ้าทำงานที่เรามีความสามารถพอกับทำงานที่ตัวเราคิดว่าเราไม่มีความสามารถพอ จะเลือกทำอย่างไหนดีค่ะ ขอความคิดเห็นด้านธรรมะทีค่ะ ดิฉันจะได้ตัดสินใจถูก
โดยทั่วไปก็ควรเลือกงานที่เรามีความสามารถพอค่ะ เพื่อที่จะเอื้อประโยชน์แก่คนรอบข้าง หน่วยงานและสังคม แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องแล้วแต่เหตุปัจจัยนะคะ เราอาจจะไม่ได้ทำในสิ่งที่เราเลือกก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรทำไปพร้อมๆ กับการศึกษาธรรมที่ถูกต้องด้วย เพราะไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ก็ตัองประสพทั้งความพอใจและไม่พอใจอยู่เสมอ ธรรมจะช่วยให้เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงสภาพธรรม มีไว้เพื่อให้ระลึกรู้ให้เกิดปัญญา ละคลายความเห็นผิดและความติดข้องทั้งหลายค่ะ
เลือกทำงานที่เราถนัดและมีความสามารถที่จะทำได้ ที่สำคัญทำงานด้วยใจรักค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การู้จักประมาณตนเป็นสิ่งที่ดี ขอยกตัวอย่าง ความสันโดษประการหนึ่ง ที่กล่าวว่า เมื่อภิกษุได้จีวรที่ไม่เหมาะสมกับตน เช่น ใหญ่หรือหนักเกินไป เป็นต้น ภิกษุก็เปลี่ยนจีวรกับภิกษุอีกรูปหนึ่งที่มีจีวรเบา ก็ชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ การทำงานก็เช่นกัน ควรเลือกให้เหมาะสม รู้จักประมาณตนว่าเราทำได้เท่านี้ ตามความสามารถที่เรามี หากเลือกในสิ่งที่เกินความสามารถ โทษย่อมมีได้ครับ งานแต่ละหน้าที่ก็มีประโยชน์มีความสำคัญทั้งนั้น เพราะต้องอาศัยการร่วมมือกัน งานทั้งหมดจึงจะสำเร็จ เพียงแต่ทำตามหน้าที่ ที่ได้เต็มความสามารถ ไม่สนใจว่างานของเราจะสำคัญกว่าหรือด้อยกว่าบุคคลใด ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ข้าพเจ้าเคยคิดว่าเลือกได้แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมจึงเข้าใจว่าขึ้นอยู่ที่เหตุ ปัจจัยบังคับบัญชาไม่ได้แต่ปัญญาเท่านั้นที่จะชี้ทางสว่างให้เราได้ค่ะ.
คนเราเกิดมาจะมีงานประเภทหนึ่งที่เหมาะมากกับคนคนนั้น ปัญหาคือเขาเหล่านั้นยังไม่พบงานนั้นซึ่งเป็นงานที่เขาชอบ ทำแล้วสบายใจ ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วลืมเวลาเลย ผู้ที่พบก็โชคดี ผู้ที่ยังไม่พบก็กำลังหาอยู่ ในอเมริกามีการพูดกันมากเกี่ยวกับงานชนิดนี้ มีผู้ทิ้งงานเงินเดือนหกหลักมาทำช็อกโกแลต ซีอีโอไมโคซ้อฟทิ้งงานเงินเดือนสูงมากไปทำงานการกุศล นี่ก็แสดงว่าถ้าพบงานที่เหมาะแล้วชิวิตก็จะมีแต่ความสบายใจ และถ้าพบแล้วความสามารถมีแน่นอน
ตัวอย่างเช่นอาจารย์ที่สอนธรรมะโดยไม่เน็ดเหนื่อย ไม่เคยมาสาย ตอบคำถามเดียวซ้ำๆ กันมากกว่ายี่สิบครั้งก็มี งานที่คุณเลือกอยู่ถ้างานไหนเข้าข่ายก็เลือกเลย