ข้อความบางตอนจาก "พระธรรมเป็นเหมือนกระจกส่องจิตอย่างไร"
"...ถ้าเป็นธรรมะจริงๆ คนที่เข้ามาสู่พระธรรม ถ้าเป็นผู้ตรง เข้ามาด้วยความนอบน้อมต่อการที่จะศึกษาพระธรรมเพื่อที่จะประพฤติปฏิบัติตาม เมื่อมีความเห็นถูก มีความเข้าใจถูก ว่าสิ่งใดไม่ดีก็จะละเว้นสิ่งนั้น ... สิ่งใดดีก็จะประพฤติสิ่งนั้น ... เท่าที่จะประพฤติได้ สั่งสมได้
เพราะฉะนั้น ก็ "เป็นผู้ที่ตรงต่อธรรมะ" ไม่ได้เข้ามาโดยที่ว่า เราเรียนเก่ง เรารู้ธรรมะมาก เราจะไปเป็นครูอาจารย์ หรือเราจะได้ลาภ ได้สักการะ แม้แต่เพียงการชมเชย ก็ไม่ใช่เป็นผู้ที่เพื่อสิ่งนั้น ถ้าเพื่อสิ่งนั้นแล้ว จะไม่ได้สาระจากพระธรรม แต่ว่าจะได้ความเมาในความรู้ ในความเก่ง หรืออาจจะในลาภ ในสักการะ แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่ศึกษาเพื่อประโยชน์จริงๆ เพราะเหตุว่า พระธรรม ถ้าไม่ศึกษาก็สูญ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัตถุเลย แต่อยู่ที่ความเข้าใจของชาวพุทธ
ถ้าชาวพุทธไม่เข้าใจพระธรรม สูญแน่นอน ไม่มีการที่จะดำรงสืบต่อไป มีพระไตรปิฎกจริง เปิดแล้วไม่รู้เรื่อง หรือว่าเข้าใจผิด ขณะนั้นก็ไม่ใช่การสืบต่อพระศาสนา เพราะฉะนั้น เราต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ มีความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย แม้แต่พระธรรม นอบน้อมโดยการศึกษา ด้วยการพิจารณาด้วยความละเอียดที่จะให้ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิดในพระธรรม เพราะถ้าเข้าใจผิด ...จะผิดไปโดยตลอด..."
คลิกฟัง : "พระธรรมเป็นเหมือนกระจกส่องจิตอย่างไร"
และ ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :
- จุดประสงค์ของการฟังธรรม และ การศึกษาธรรม
- ความเข้าใจพระธรรมเป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต
กราบอนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และกราบยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลของพี่วันชัย ภู่งามด้วยครับ
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลทุกท่านทุกประการค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และอนุโมทนาสาธุในกุศลผลบุญของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ