ขอสอบถามครับว่าจิตในขณะหนึ่งๆ ที่จะถามถึง เป็นจิตชนิดใดครับและประกอบกับเจตสิกแบบใดบ้างครับ
1. ความรู้สึกกลัว
2. ตกใจ
3. ความรู้สึกกล้าหาญ
4. ความสงสัย (ที่ไม่ใช่สงสัยในธรรม - วิจิกิจฉา)
สงสัยมานานแล้วครับขอความกรุณาด้วยครับ
ขอให้เจริญในธรรมครับ
๑.,๒. เป็นโทสมูลจิต มีเจตสิกเกิดร่วมด้วยอย่างน้อย ๑๙ ดวง
๓. เป็นอกุศลจิตหรือกุศลจิตก็ได้ แต่โดยมากจะเป็นอกุศลโดยเฉพาะโลภะถ้ากล้าหาญในกุศล ในการทำความดีเป็นกุศล
๔. ความสงสัยส่วนใหญ่เป็นอกุศลครับ แต่ถ้าพระอรหันต์สงสัยจิตเป็นกิริยา
...ขออนุโมทนาค่ะ...
1. ความกลัว ส่วนใหญ่เป็นโทสมูลจิต เกิดกับความรู้สึกทุกข์ใจ (โทมนัสเวทนา) แต่ การเกรงกลัวต่อบาป เป็นลักษณะของโอตตัปปเจตสิก เกิดกับจิตฝ่ายดีทุกดวง มีความรู้สึกดีใจ (โสมนัสเวทนา) หรือไม่สุข ไม่ทุกข์ (อุเบกขาเวทนา) อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดร่วมด้วย โอตตัปปเจตสิกไม่เกิดกับโทมนัสเวทนา จึงไม่เหมือนอาการกลัว ด้วยจิตที่เศร้าหมองอย่างโทสมูลจิต
2. ตกใจ เป็นโทสมูลจิตเป็นภาวะที่ไม่สบายใจ เกิดร่วมกับโทมนัสเวทนา
3. กล้าหาญในทางอกุศล เป็นไปกับโลภมูลจิตก็มี เป็นไปกับโทสมูลจิตก็มี กล้าหาญในทางกุศล ศรัทธาเจตสิกเกิดกับจิตมีฉันทะเป็นใหญ่บ้าง เช่น พอใจในการบริจาค มีวิริยะเป็นใหญ่บ้าง เช่น เพียรทำกุศลที่ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ทำ มีจิตเป็นใหญ่บ้าง คือ กุศลจิตเกิดขึ้นจึงกล้าทำความดี มีปัญญาเป็นใหญ่บ้าง เช่น พิจารณาเห็นคุณประโยชน์ของกุศลจึงได้กระทำกุศล
4. สงสัย ที่ไม่ใช่วิจิกิจฉาเจตสิก สำหรับผู้ที่ยังเป็นปุถุชน ส่วนใหญ่เป็นไปกับความ ติดข้อง คือ โลภเจตสิก เช่น ทำของหาย แล้วสงสัยว่า จะทำหายที่ทำงานหรือที่ บ้าน ติดในรสอาหาร เลยสงสัยว่าเย็นนี้ที่บ้านจะทำกับข้าวอะไรทานกัน เป็นต้น
โทสะยังสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ให้เกิด
โทสะยังจิตให้กำเริบ
โทสะเป็นภัยเกิดขึ้นในภายใน
พาลชนย่อมไม่รู้สึกภัยนั้น
คนผู้โกรธแล้วย่อมไม่รู้อรรถ
คนผู้โกรธแล้วย่อมไม่เห็นธรรม
เมื่อใดความโกรธครอบงำนรชน
เมื่อนั้นนรชนนั้นย่อมมีความมืดตื้อ
ขออนุโมทนาค่ะ . . .
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณทุกท่านครับ
เรื่องความกล้าหาญนั้น ผมเคยสงสัย และ วิทยากรหลายท่านได้ให้ความอนุเคราะห์แก่ผมอย่างดียิ่ง ในเวลานั้น ผมสรุปได้ความว่า
ความกล้าหาญ กับ ความเพียร มีสภาวธรรมเป็นอย่างเดียวกัน
ขอเชิญอ่านกระทู้...
ความกล้าหาญ กับ ความเพียร มีสภาวธรรม เหมือนกันหรือไม่
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ