หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๒๐๕]
ทะนุบำรุงใคร?
การให้เงินกับพระภิกษุ ไม่ใช่สิ่งที่สมควร เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่าเป็นโทษ อาบัติ คือ ไม่ได้ประพฤติตามพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว เป็นโทษที่จะต้องสำนึก และจะต้องปลง หมายความว่า ทำให้โทษนั้นหมดสิ้น โดยการแสดงโทษนั้น เพื่อที่จะได้ให้คนอื่นได้รู้ว่าท่านได้กระทำสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง เพื่อจะได้กลับคืนสู่ความเป็นภิกษุ เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ไม่ได้เข้าใจธรรม คิดว่าส่งเสริมพระพุทธศาสนา เช่น ใส่บาตร แต่ว่า ถ้าบุคคลนั้น ไม่ได้เข้าใจธรรม แล้วก็ไม่ประพฤติตามพระวินัย นอกจากจะปล้นอาหารที่เขาถวายแก่ผู้ที่ศึกษาธรรมและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ยังปล้นศาสนาด้วย เพราะเหตุว่า ไม่ได้ประพฤติตามพระธรรมวินัยเลย เพราะฉะนั้น พระธรรมวินัยก็จะค่อยๆ ลบเลือนไป
ด้วยเหตุนี้ ไม่ใช่เพียงเราเห็นเล็กๆ น้อยๆ ว่า ให้อาหารบ้าง ให้เงินบ้าง เพราะอยากได้บุญ แต่คนที่จะได้บุญ ต้องเป็นผู้ที่รู้ถูกต้อง ไม่รู้กับรู้ อะไรเป็นบุญ? บุญ คือ ธรรมที่ชำระจิตให้พ้นจากความเศร้าหมองคือความไม่รู้และกิเลส เพราะฉะนั้น ถ้าไม่รู้ เป็นกิเลสแล้ว ไม่ใช่บุญ ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น ให้อาหารกับใคร? เพื่ออะไร? ก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าพุทธบริษัท ไม่ได้ศึกษาธรรม จะไม่เข้าใจในความเป็นพระภิกษุเลย และคิดว่าตนเองทะนุบำรุงพระภิกษุและพระพุทธศาสนา แต่การกระทำอย่างนั้น ไม่ใช่บำรุง เพราะเหตุว่า บำรุง คือ ศึกษาพระธรรม เพื่อที่จะให้คนอื่น เช่น คฤหัสถ์ ได้เข้าใจด้วย และพระธรรมที่เข้าใจนั้นแหละจะทำให้สามารถประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยได้
เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นภิกษุที่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย แสดงชัดเจนว่าผู้นั้นไม่เข้าใจธรรม ถ้าเข้าใจธรรมแล้ว ยิ่งประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ด้วยความเคารพ ด้วยการเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงบัญญัติสิกขาบทให้พระภิกษุทั้งหลาย อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก ด้วยการขัดเกลากิเลส
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ