ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
“รู้ เพื่อที่จะ ลืม” หมายความว่าอย่างไรคะ
๑. “รู้” คืออะไร จิต ใช่ไหมคะ แล้วเป็น จิตอะไร ประเภทใด ในประโยคนี้
๒. อะไรคือ สิ่งที่จิตรู้ ในที่นี้ หมายเฉพาะ ธัมมารมณ์ หรือหมายถึง ทุกอารมณ์ หรือ หมายถึงอะไรบ้าง ขออรรถธิบาย รายละเอียด ค่ะ
๓. “เพื่อที่จะ” คำนี้ ดูเหมือน “มุ่งหวังตั้งใจ” ซึ่งคิดว่า ไม่น่าจะใช่ ความหมายนี้ แต่จริงๆ แล้ว “เพื่อที่จะ” มีความหมายที่ถูกต้องอย่างไร ตามความประสงค์ของท่านผู้กล่าว
๔. “ลืม” เป็นธัมมะตัวไหน ประการใด
๕. “ติด ในชื่อ ในเรื่อง ในบัญญัติ” มีลักษณะอย่างไร
๖. ด้วยเหตุที่ยังเป็นผู้ที่ฟังธรรมน้อย ไม่เพียงพอที่จะสามารถพิจารณาลักษณะสภาพธรรมได้ พอฟังไปอ่านไป ก็จำชื่อได้บ้าง จำเรื่องได้บ้าง จำความหมายได้บ้าง กล่าวตามได้บ้าง แล้วก็ได้รับคำเตือนว่า ระวังจะติดในชื่อ ในเรื่อง ในบัญญัติ เพิ่มขึ้น มากขึ้น จนไม่ได้ พิจารณาลักษณะสภาพธรรม จนลืมว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรม” ในเมื่อยิ่งฟัง ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งจำ ไปเรื่อย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าพิจารณาไตร่ตรองสภาพธรรมอย่างไร ถ้าไม่อาศัยการฟัง การอ่าน แล้วก็มีคำเตือนว่าการติด ในชื่อ ในเรื่อง ในบัญญัติ จะปิดกั้นไม่ให้รู้สภาพธรรม “ขอคำแนะนำด้วยค่ะ”
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบคำอธิบายนะคะ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
รู้เพื่อลืม คือ จิตรู้ รู้ในสิ่งที่ปรากฏทางตาหู .. ใจ ที่มีแล้วก็ลืม คือดับไปหมดแล้ว แต่รู้อีกอย่าง คือ รู้ด้วยปัญญา รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพื่อลืม ลืมความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน ครับ ติดในชื่อ ในเรื่อง คือ มุ่ง ที่จะหาคำศัพท์ โดยละเอียด โดยลืมว่า ศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจตัวจริงในขณะนี้ เมื่อแสวงหาในสิ่งที่ไม่ควรแสวงหา ย่อมหลงลืมจุดประสงค์ที่สำคัญ และ ก็ย่อมล่วงเลยประโยชน์ ก็ไม่มีทางพ้นทุกข์ได้ เพราะธรรมก็กลายเป็นการศึกษาแบบวิชาการไปครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรม เป็นเรื่องที่ยาก ละเอียดลึกซึ้ง ก็จะต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาไปจริงๆ และ สำหรับในประเด็น รู้เพื่อที่จะลืม นั้น ท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านจะใช้คำว่าเห็นเพื่อลืมซึ่งไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมอย่างแน่นอน ซึ่งในประเด็นนี้ เท่าที่ได้ฟังจากท่านอาจารย์ ก็พอที่จะสรุปได้ว่าสภาพธรรม เกิดดับอย่างรวดเร็ว กล่าวได้ว่าทุกขณะ ชั่วคราวเพราะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย เป็นต้น ก็เพียงชั่วคราว เห็นเพียงชั่วขณะเดียวแล้วก็ดับไป เป็นต้น ไม่ได้เห็นอยู่ตลอด เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรเหลือเลย ที่กล่าวว่า เห็นเพื่อลืม ก็เป็นเครื่องเตือนว่าที่ติดข้องก็ติดข้องในสิ่งที่เพียงชั่วคราวเพราะยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดปรากฏ ซึ่งการที่จะมีปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นได้นั้นก็ต้องไม่ขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกในความเป็นธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
รู้เพื่อละ รู้เพื่อลืม เพราะมีแล้วก็ไม่มีทุกขณะ เช่น เสียงปรากฏแล้วดับไป เสียงขณะนี้ไม่ใช่เสียงขณะก่อน เสียงเป็นธรรมอย่างหนึ่งไม่ใช่เรา รู้เพื่อลืม เพื่อคลายความติดข้องในสัตว์ บุคคล ในวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ค่ะ
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ.
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ