ธาตุ 3 คือ ธาตุเลว ธาตุปานกลาง ธาตุปราณีต
โดย nattawan  12 ก.ย. 2566
หัวข้อหมายเลข 46547

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น

ข้อความบางส่วนจากการสนทนาปัญหาธรรม 12 ก.ย. 66

ความเข้าใจธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลังจากทรงตรัสรู้ได้ทรงแสดงโวหารเทศนาต่างๆ

พระองค์ทรงแสดงธาตุ 3 คือ ธาตุเลว ธาตุปานกลาง ธาตุประณีต เป็นประโยชน์อย่างไรที่ทรงแสดงธาตุ 3!!!

ธาตุคือธรรมะแต่ละอย่างๆ ทรงไว้ซึ่งความเป็นจริงอย่างนั้นๆ เรามี 2 ธาตุคือ ธาตุเลวและธาตุปานกลาง แต่ไม่มีธาตุประณีตคือพระนิพพาน 1 มรรค 4และผล 4 โลกุตรธรรมนี้เกินตัวมาก เป็นภาวะที่ประณีตจริงๆ

ท่านอาจารย์แสดงในการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรมเกี่ยวกับธาตุ 3 ดังนี้

1. อกุศลคืออกุศลจิต 12 ดวง เป็นธาตุเลว เช่นโกรธ ความติดข้อง ความรักตนด้วยความเป็นตัวตน ก้นบึ้งของธาตุเลวคือความไม่รู้

2. พระนิพพาน 1 มรรค 4 ผล 4 เป็นธาตุประณีต

3. ธาตุปานกลาง (เว้นอกุศลจิต 12 และพระนิพพาน มรรค 4 ผล 4 นอกนั้นเป็นธาตุปานกลาง คือ กุศลในภูมิ 3 วิบากในภูมิ 3 และรูปทั้งหมดและกิริยาอัพยากฤตในภูมิ 3) เช่น เห็น ได้ยิน ความเข้าใจธรรม กุศลทั้งหลายที่ยังไม่ถึงพระนิพพาน

พระพุทธเจ้าทรงประเสริฐอย่างยิ่ง เพราะเป็นผู้ทรงจำแนกธรรม ให้ได้เข้าใจความจริงของธรรมะทั้งหมด

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปมีทั้งเลวและปานกลาง สภาพที่เหนือโลกคือพระนิพพาน ... ประณีตยิ่งเพราะหาปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้

พระองค์ทรงแสดงอกุศลจิต 12 เป็นธาตุเลว (ประกอบด้วยโลภมูลจิต 8 ดวง โทสมูลจิต 2 ดวงและโมหมูลจิต 2ดวง จิตจึงเป็นธาตุเลวเพราะประกอบด้วยเจตสิกที่ไม่ดี) เป็นประโยชน์ คือ สภาพธรรมะที่เลวเป็นผลให้เกิดผลที่ไม่ดี ... จะดีไม่ได้เลย ... เมื่อเกิดขึ้นจิตขณะนั้นเศร้าหมองและมีความไม่รู้เกิดร่วมด้วย ถ้าไม่ทรงแสดง เราก็ไม่รู้อะไร ไม่รู้แม้อกุศลเกิดขึ้นก็เป็นธรรมดา เพราะไม่รู้และไม่เห็นโทษของอกุศล

การเห็นธาตุทั้งหมดถูกต้องตรงตามความเป็นจริงเป็น ต้องเป็นปัญญาเท่านั้น

ไม่รู้สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่รู้สิ่งที่มีจริงขณะนี้ตามความเป็นจริง เป็นธาตุเลว

ฉลาดที่จะเห็นอกุศลของคนอื่น แต่ไม่เห็นธาตุเลวของตนเอง ธาตุเลวทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ ถ้าเราไม่มีธาตุเลวคือความไม่รู้ ก็จะไม่โกรธหรือติเตียนผู้อื่น ถ้าไม่รู้ (อวิชชา) ความเลว ของอกุศลจิต 12 ก็ทำร้ายตนเอง ตื่นขึ้นมาก็เป็นไปด้วยอำนาจของธาตุเลวคือโลภะ โอกาสในความเป็นผู้ฉลาดในธาตุเลวของตนเอง ... ต้องมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ได้ฟังธรรมและน้อมประพฤติปฏิบัติตาม

ธาตุเลวเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด พระองค์ทรงประกาศความเป็นธรรมะด้วยธาตุเลว มีโทษมากและสมควรจะรู้ตามความเป็นจริง จะได้ไม่ประมาทและควรจะดับธาตุเลวด้วย

ธาตุเลวที่สุดคือความเห็นผิด เป็นตอของวัฏฏะ เพราะทำให้ไม่สามารถพ้นทุกข์ได้

ทุกขณะที่อกุศลเกิด ... เป็นความเห็นผิด ... มีโทษมาก ... ขอความเห็นผิดอย่าได้มีเลย!!!!!

ขอเชิญคลิกชมการสนทนาปัญหาธรรม กับคณะอาจารย์ มศพ.

วันอังคารที่ 12 กันยายน 2566
เวลา 10.00 - 11.30 น.

FB : วิทยุออนไลน์​บ้านธัมมะ
fb.watch/m-zyWUw1I_/?mibextid=NnVzG8

FB : ชมรมบ้านธัมมะ
fb.watch/m-ztPWI6kG/?mibextid=NnVzG8

YouTube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
www.youtube.com/live/LcVwJS5hkpw?si=5avUCLnaHDIvpVPF

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย Wisaka  วันที่ 13 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 13 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 17 ต.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ