ขอทราบรายละเอียดครับ อนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่เพียงท่องหรือพูดตามเท่านั้นว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง โดยที่ไม่มีความเข้าใจพระธรรมเลย
ซึ่งเครื่องชี้วัด ในการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ ความเข้าใจพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะความเห็นถูก ปัญญาที่เกิดขึ้น ย่อมจะเข้าใจ และละกิเลส และมีที่พึ่ง คือ ได้อาศัยพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งจริงๆ และอาศัยพระธรรมพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง พึ่งเพื่อให้เกิดปัญญา ความเข้าใจของตนเองเป็นสำคัญ
ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในสมัยพุทธกาลโดยมากแล้ว เพราะได้ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จึงขอถึงพระรัตนรัยเป็นที่พึ่ง คือ มีความเข้าใจพระธรรม เกิดปัญญา จึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่จะศึกษา อบรมปัญญาต่อไป โดยที่ไม่อาศัยพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเพื่อเหตุอื่นมีการได้รับสิ่งที่ดี เป็นต้น
ส่วนผู้ที่ไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คือ ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรมผิด ไม่ถูกต้อง แม้จะกล่าวอยู่ แต่กล่าวในสิ่งที่ไม่รู้ เพราะเมื่อไม่เข้าใจธรรม ก็ไม่เห็นพระพุทธเจ้า คือ เห็นด้วยปัญญา ก็ขอพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งผิดๆ ด้วยการเพื่อให้ได้สิ่งที่ดี เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย ให้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่พึ่งที่แท้จริง ก็คือ อาศัยพระรัตนตรัย และศึกษาพระธรรม ปัญญาที่เจริญขึ้น จะเป็นที่พึ่งกับตนเองอย่างแท้จริง การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงขาดความเข้าใจพระธรรมไม่ได้เลยครับ
ดังนั้น ที่พึ่งที่ทำให้ปลอดภัยจากกิเลส จากอกุศลกรรม คือ ความดี ประการต่างๆ เป็นที่พึ่ง ที่จะทำให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ ประการต่างๆ และพ้นจากความทุกข์ใจชั่วขณะนั้น และพ้นจากการเกิดในอบาย ตราบเท่าที่กรรมดีให้ผล แต่ความดีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ตราบใดที่ไม่ใช่ความดีที่ประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นธรรมที่ละกิเลส ละภัยประการต่างๆ ได้อย่างแท้จริง เพราะสามารถดับกิเลสได้จนหมดสิ้น ไม่มีการเกิดอีก ก็ไม่ต้องได้รับทุกข์ภัย และไม่ต้องแสวงหาที่พึ่งอีก เพราะพ้นภัยประการทั้งปวงแล้ว
ซึ่งปัญญาจะมีได้อย่างไร หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ซึ่งพระธรรมที่ถูกต้องมีได้ เพราะอาศัยการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และผู้ที่รู้ตามมี คือ พระอริยสาวกทั้งหลาย ดังนั้นการจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ก็เพราะมีปัญญา ความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ ไม่ใช่อาศัย พระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานแล้วมาช่วย แต่เพราะอาศัยความเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ย่อมศึกษาพระธรรม เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง ขณะนั้นได้ที่พึ่งคือ ปัญญาแล้ว พ้นจากอกุศลชั่วขณะที่เป็นภัย และเมื่ออบรมปัญญาด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อมทำให้ละ บรรเทาที่จะไม่ทำอกุศลกรรม อันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อน และเป็นภัยที่ประสบพบกันอยู่เพราะความทุกข์กาย ความเดือดร้อนประการต่างๆ จะมีไม่ได้เลย หากไม่ได้ทำอกุศลกรรมไว้
เพราะฉะนั้น การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ในที่นี้ ไม่ใช่พึ่งเพราะขาดความเข้าใจพระธรรม แต่เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรม ปัญญาเจริญ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และเพราะอาศัยที่พึ่ง คือ พระรัตนตรัย ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงเพราะแม้พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานแล้ว แต่เพราะอาศัยการระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ย่อมเป็นที่พึ่งให้พ้นภัยจากอกุศล สงบจากิเลส และเพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมของพระองค์ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมสามารถทำให้ดับกิเลสพ้นจากทุกข์และภัยทั้งปวง และเพราะอาศัยการระลึกถึงคุณของพระสงฆที่มีคุณธรรม อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของตน ขณะนั้นก็พ้นจากภัย คืออกุศลประการต่างๆ ในขณะนั้น ครับ
พระรัตนตรัย จึงเป็นรัตนที่ประเสริฐ ที่ทำให้สัตว์โลก ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เงินทอง พ้นจากทุกข์ได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถพ้นจากทุกข์อันเกิดจากกิเลส และพ้นทุกข์ คือ การเกิดในสังสารวัฏฏ์ได้เลย ปัญญาได้จากการศึกษาพระธรรม ปัญญานั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ และทำให้ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้อย่างถูกต้อง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงพระธรรม ตลอดระยะเวลา ๔๕พรรษาแห่งการประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์ หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้มีผู้ที่ได้รู้แจ้งธรรมหมดจากจากกิเลส เป็นผู้ปราศจากกิเลสเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่มีบุคคลใดจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ได้
ถ้าหากไม่มีพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้ เพราะฉะนั้นการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรม ค่อยๆ อบรมความเข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจโดยไม่ไปฟังคนอื่น ที่มีความเห็นผิดคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงแสดงให้เห็นว่าการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ต้องเริ่มจากการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง นั่นเอง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ทุกคนมีความจริงใจต่อพระธรรมหรือเปล่า? ถ้าเป็นผู้ที่จริงใจต่อพระธรรมก็ต้องศึกษาพระธรรมด้วยความจริงใจ เพื่อเข้าใจพระธรรมให้ถูกต้อง แล้วน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตาม นี่คือความจริงใจในการศึกษาพระธรรม การศึกษาพระธรรมไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ แต่ว่าเพื่อให้เข้าใจพระธรรมให้ถูกต้อง เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อละความไม่รู้ที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์
ดังนั้นจึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสำหรับทุกคนว่า จะต้องเป็นผู้มีความจริงใจในการเจริญกุศลที่จะดับกิเลส โดยเริ่มจากความจริงใจที่มีต่อพระรัตนตรัยและจะต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ ที่จะพิจารณาว่า ตนเองมีความเคารพนับถือเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ เพื่อความไม่ประมาท และเพื่อความเจริญยิ่งขึ้นในกุศลธรรมต่อไป บูชาพระรัตนตรัยด้วยการเป็นคนดี ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนากับอาจารย์ทั้งสองท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ
อนุโมทนาครับ