เราจะระงับความอยากด้วยการไม่อยาก ด้วยการตั้งสติ รู้จักปล่อยวาง แต่ถ้าเรามีสติแล้วรู้จักปล่อยว่างแล้ว เราจะทำอย่างไรถ้าเรายังมีความอยากกับสิ่งๆ นั้นอยู่
รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ตัวตนของเรา ตามนัยของมหาสติปัฏฐานสูตรว่า จิตมีราคะก็รู้ชัดว่าจิตมีราคะ ฯ
แต่โลภะ โทสะ โมหะ มันมีกำลังแรงจริงๆ แม้รู้ตามจริงแล้วก็ยังพ่ายแพ้มัน
ยังไงก็ต้องแพ้ค่ะ ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ จะเห็นได้ว่ากิเลสนั้นมีกำลังแรงจริงๆ ปัญญาที่เพิ่งเริ่มอบรมสะสมมาเพียงน้อยนิด คงต้านทานอำนาจกิเลสไม่ได้หรอกค่ะ หนทางเดียว คือ อบรมสั่งสมความรู้ความเข้าใจในสภาพธรรมให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับการจับด้ามมีด เป็นจิรกาลภาวนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญรับฟัง...
ความอยากที่ไม่มีวันจบ
ข้อความบางตอน...
* ความจริงอยากไม่จบ ลองดู อยากได้ แล้วก็ได้ แล้วก็อยาก แล้วก็ได้ แล้วก็อยาก แล้วก็ได้ ไม่มีวันจบเลย ตั้งแต่เกิดไปเรื่อยๆ สู้รู้ความจริงไม่ดีกว่าหรือ แทนที่จะอยากได้ๆ ทุกขณะ ตลอดทั้งหมด อยากเห็นทางตา ทางหูอยากได้ยิน แล้วก็เพลินไปสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทั้งวันมีแต่อยาก แล้วก็ติดข้อง โดยไม่รู้ความจริง แล้วความอยากก็ไม่มีวันจบ แต่ถ้ารู้ความจริงยังจบได้ คือ จบอยาก ซึ่งไม่มีทางจะจบได้ โดยไม่รู้ความจริง แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ
* การเข้าใจความจริง ไม่ใช่เรา ฝืนไม่ได้ ไม่อยากมีโลภะก็ไม่ได้ เพราะมีเหตุที่จะให้เกิด
* การฟังธรรมะเพื่อให้เห็นถูกต้องตามความเป็นจริง เห็นดอกไม้ เห็นจริง สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็จริง จำว่าเป็นดอกไม้ก็จริง ชอบดอกไม้ก็จริง เพราะฉะนั้น กว่าจะรู้ได้ว่า แต่ละหนึ่งเป็นธรรมะซึ่งมีจริงๆ เกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่ใช่ให้เราไปทำ หรือว่าให้เราไปเสแสร้ง แต่ทันทีที่สิ่งนั้นเกิดแล้ว ก็รู้ตามความเป็นจริง